พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/187/300 301
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
อุทายีสูตร
[๓๐๐] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระอุทายีอยู่ ณ โฆสิตาราม ใกล้พระนคร
โกสัมพี ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น ท่านพระอุทายีออกจากที่พักผ่อนแล้ว เข้าไปหาท่านพระ
อานนท์ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรท่านพระอานนท์ กายนี้
พระผู้มีพระภาคตรัสบอกเปิดเผย ประกาแล้วโดยปริยายต่างๆ ว่า แม้เพราะเหตุนี้ กายนี้
เป็นอนัตตาดังนี้ ฉันใด แม้วิญญาณนี้ ท่านอาจจะบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย
จำแนก กระทำให้ตื้นว่า แม้เพราะเหตุนี้ วิญญาณนี้เป็นอนัตตา ฉันนั้นหรือ ฯ
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรท่านพระอุทายี กายนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอก เปิดเผย
ประกาศแล้วโดยปริยายต่างๆ ว่า แม้เพราะเหตุนี้ กายนี้ เป็นอนัตตา ดังนี้ ฉันใด แม้วิญญาณนี้
ผมอาจจะบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้งเปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นว่า แม้เพราะเหตุนี้
วิญญาณนี้เป็นอนัตตาฉันนั้น ฯ
[๓๐๑] ดูกรท่านพระอุทายี จักษุวิญญาณย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูปหรือ ฯ
อุ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ ฯ
อา. เหตุและปัจจัยที่อาศัยจักษุวิญญาณเกิดขึ้น พึงดับไปหมดสิ้น หาส่วนเหลือมิได้
จักษุวิญญาณจะปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อุ. ไม่ปรากฏเลย ท่านผู้มีอายุ ฯ
อา. แม้โดยปริยายนี้แล จักษุวิญญาณนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอกเปิดเผย ประกาศ
แล้วว่า แม้เพราะเหตุนี้ วิญญาณนี้เป็นอนัตตา ดังนี้ ฯลฯดูกรท่านพระอุทายี มโนวิญญาณ
ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจและธรรมารมณ์หรือ ฯ
อุ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ ฯ
อา. เหตุและปัจจัยที่อาศัยมโนวิญญาณเกิดขึ้น พึงดับไปหมดสิ้น หาส่วนเหลือมิได้
มโนวิญญาณจะปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ
อุ. ไม่ปรากฏเลย ท่านผู้มีอายุ ฯ