พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/186/233 234

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 186
ด้วยหญิง แล้วจึงเข้าไปหามหาโควินทพราหมณ์ ตรัสอย่างนี้ว่า ดูกรท่านผู้เจริญในราชอาณาจักร ทั้ง ๗ นี้ มีหญิงมากมาย ท่านต้อง การหญิงเท่าใด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะให้นำมาเท่านั้น ฯ ม. ขอเดชะ อย่าเลย ภรรยาของข้าพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคนเสมอกัน มีถึง ๔๐ คน ข้าพระพุทธเจ้าจักละภรรยาเหล่านั้นทั้งหมด ออกจากเรือนบวชเป็น บรรพชิต ด้วยว่าข้าพระพุทธเจ้า ได้สดับกลิ่นร้ายมาต่อพรหมผู้พูดถึงอยู่ กลิ่นร้าย เหล่านั้น อันบุคคลผู้ครองเรือนไม่พึงย่ำยีได้ โดยง่ายเลย ข้าพระพุทธเจ้าจึงจัก ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ฯ ก. ถ้าท่านโควินท์จักออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต แม้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ก็จักออกจาก เรือนบวชเป็นบรรพชิต อนึ่ง คติอันใดของท่าน คตินั้นจักเป็นของ ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย ฯ
[๒๓๓] ม. ถ้าพระองค์ทั้งหลายจะละกาม อันเป็นที่ข้องของ ปุถุชน ขอจง ทรงปรารภความเพียรให้มั่น ประกอบด้วยกำลังขันติ ทางนี้เป็น ทางตรง ทางนี้ไม่มีทาง อื่นยิ่งกว่า พระสัทธรรมอันสัตบุรุษ ทั้งหลายรักษา เพื่อบังเกิดในพรหมโลก ฯ
[๒๓๔] ก. ถ้าอย่างนั้น ขอท่านมหาโควินท์จงรออยู่สัก ๗ ปีก่อน พอล่วง ๗ ปี แม้ข้าพเจ้าทั้งหลายก็จักออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต อนึ่งคติ อันใดของท่าน คตินั้นจักเป็นของ ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย ฯ ม. ขอเดชะ ๗ ปี ช้านัก ข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจรอพระองค์ อยู่ได้ถึง ๗ ปี ใครจะ รู้ชีวิต สัมปรายภพอันบุคคลต้องไป อันบัณฑิตควรกำหนดด้วย ปัญญา พึงทำกุศล พึงประพฤติ พรหมจรรย์ สัตว์เกิดมาแล้วที่จะไม่ตายไม่มี ด้วยว่าข้าพระพุทธเจ้าได้สดับกลิ่นร้ายมาต่อพรหมผู้พูด ถึงอยู่ กลิ่นร้ายเหล่านั้น อันบุคคลผู้ครองเรือน ไม่พึงย่ำยีได้โดยง่ายเลย ข้าพระพุทธเจ้าจึงจัก ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต ฯ ก. ถ้าอย่างนั้น ขอท่านโควินท์จงรออยู่สัก ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ... ๒ ปี ... ๑ ปี พอล่วง ๑ ปีแล้ว แม้ข้าพเจ้าทั้งหลายก็จักออกจากเรือนบวช เป็นบรรพชิต อนึ่ง คติอันใดของท่าน คตินั้น จักเป็นของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย ฯ ม. ขอเดชะ ๑ ปีช้านัก ข้าพระพุทธเจ้าไม่อาจรอพระองค์อยู่ได้ถึง ๑ ปี ใครจะรู้ชีวิต สัมปรายภพอันบุคคลต้องไป อันบัณฑิตควรกำหนดด้วยปัญญา พึง ทำกุศล พึงประพฤติ พรหมจรรย์ สัตว์เกิดมาแล้วที่จะไม่ตายไม่มี ด้วยว่าข้า พระพุทธเจ้าได้สดับกลิ่นร้ายมาต่อพรหม