พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/185/232

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 185
ปัญหาแก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าฟังปัญหานั้นแล้ว จึงไม่ ยินดีในเรือน ฯ เร. ดูกรท่านโควินท์ ท่านพูดคำใด ข้าพเจ้าเชื่อคำนั้นต่อท่าน ท่าน ฟังคำของท่านผู้ไม่ใช่มนุษย์แล้ว จะประพฤติโดย ประการอื่นอย่างไร ข้าพเจ้าทั้งหลายนั้นจักประพฤติตาม ท่าน ท่านโควินท์ ท่านเป็นครู ของเราทั้งหลาย แก้ว ไพฑูรย์ ไม่มีฝ้า ปราศจากราคี งาม ฉันใด ข้าพเจ้าทั้ง หลายจักเชื่อฟัง ประพฤติอยู่ในคำสั่งสอนของท่านโควินท์ ฉันนั้น ฯ
[๒๓๒] เร. ถ้าท่านโควินท์จักออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต แม้เรา ทั้งหลายก็จัก ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต อนึ่งคติ อันใดของท่าน คตินั้นจัก เป็นของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย ฯ ครั้งนั้น มหาโควินท์พราหมณ์ เข้าเฝ้ากษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์นั้นถึงที่ประทับ แล้วกราบทูล ว่า บัดนี้ขอพระองค์ทั้งหลายจงแสวงหาปุโรหิตคนอื่น ที่จักแนะนำ ราชกิจต่อพระองค์ทั้งหลายเถิด ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาจะออกจากเรือนบวชเป็น บรรพชิต ด้วยว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับกลิ่น ร้ายมาต่อพรหมผู้พูดถึงอยู่ กลิ่นร้าย เหล่านั้น อันบุคคลผู้ครองเรือนไม่พึงย่ำยีได้โดยง่ายเลย ข้าพระพุทธเจ้าจึงจักออก จากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ฯ ลำดับนั้น กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์นั้นหลีกเลี่ยงไป ณ ข้างหนึ่งแล้ว คิด ร่วมกันอย่างนี้ ว่า ธรรมดาพราหมณ์เหล่านี้มักโลภทรัพย์ ถ้ากระไรเราทั้งหลายจะพึง เกลี้ยกล่อมมหาโควินท พราหมณ์ด้วยทรัพย์ แล้วเข้าไปหามหาโควินทพราหมณ์ ตรัสอย่างนี้ว่า ในราชอาณาจักรทั้ง ๗ นี้ มีทรัพย์เพียงพอ ท่านต้องการทรัพย์ ประมาณเท่าใด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะให้นำมาเท่านั้น ฯ ม. ขอเดชะ อย่าเลย ทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้านี้มีเพียงพอเหมือน ทรัพย์ของพระองค์ ทั้งหลาย ข้าพระพุทธเจ้าจักละทรัพย์ทั้งปวงออกจากเรือนบวช เป็นบรรพชิต ด้วยว่าข้าพระพุทธเจ้า ได้สดับกลิ่นร้ายมาต่อพรหมผู้พูดถึงอยู่ กลิ่น ร้ายเหล่านั้นอันบุคคลผู้ครองเรือนไม่พึงย่ำยีได้โดย ง่ายเลย ข้าพระพุทธเจ้าจึงจัก ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ฯ ลำดับนั้น กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์หลีกไป ณ ข้างหนึ่ง แล้วคิดร่วมกัน อย่างนี้ว่า ธรรมดาพราหมณ์เหล่านี้มักโลภด้วยหญิง ถ้ากระไรเราทั้งหลายจะพึง เกลี้ยกล่อมมหาโควินทพราหมณ์