พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/184/230 231
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ประกอบ ในกิเลสเหล่านี้ จัดว่าไม่หมดกลิ่นร้ายต้องไปอบาย มี พรหมโลก
อันปิดแล้ว ฯ
[๒๓๐] ม. ข้าพเจ้าเพิ่งทราบกลิ่นร้าย ต่อท่านซึ่งพูดถึงอยู่กลิ่น ร้ายเหล่านั้น อัน
บุคคลผู้อยู่ครองเรือนไม่พึงย่ำยีได้ง่ายเลย ข้าพเจ้าจะออกจาก เรือนบวชเป็นบรรพชิต ฯ
ส. ท่านโควินท์ ย่อมรู้กาลอันควรในบัดนี้เถิด ฯ
ครั้งนั้น มหาโควินทพราหมณ์ เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเรณูถึงที่ประทับ แล้ว กราบทูลว่า
บัดนี้ ขอพระองค์จงแสวงหาปุโรหิตคนอื่น ที่จักแนะนำราชกิจต่อ พระองค์เถิด ข้าพระพุทธเจ้า
ปรารถนาจะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับ กลิ่นร้ายมาต่อพรหม
ผู้พูดถึงอยู่ กลิ่นร้ายเหล่านั้นอัน บุคคลผู้อยู่ครองเรือนไม่พึงย่ำยีได้โดยง่ายเลย ข้าพระพุทธเจ้าจึง
จักออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต ฯ
[๒๓๑] ม. ข้าพระพุทธเจ้าขอเชิญพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่าเรณู
ขอพระองค์ทรงรับรู้ด้วยราชกิจเถิด ข้าพระพุทธเจ้า ไม่ยินดีในความ
เป็นปุโรหิต ฯ
เร. ถ้าท่านพร่องด้วยกามทั้งหลาย เราจะให้ท่านบริบูรณ์ อนึ่ง ผู้ใด
เบียดเบียนท่าน เราผู้เป็นเจ้าแผ่นดินจะห้ามผู้นั้น ท่านเป็นบิดา
ข้าพเจ้าเป็นบุตร ดูกรท่านโควินท์ ขอท่านอย่าสละเราเสียเลย ฯ
ม. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความบกพร่องด้วยกาม ไม่มีใครเบียด เบียน
ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังคำของท่านผู้ไม่ ใช่มนุษย์เหตุ
นั้น จึงไม่ยินดีในเรือน ฯ
เร. ท่านผู้ไม่ใช่มนุษย์ มีวรรณอย่างไร ได้กล่าวข้อความอะไร กะท่าน
ซึ่งท่านฟังแล้วจะละเรือนของเรา พวกเรา และ ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น
เล่า ฯ
ม. เมื่อข้าพระพุทธเจ้า อยู่โดดเดี่ยวเมื่อก่อนประสงค์จะเส้น สรวง
ไฟสุมด้วยใบหญ้าคาลุกโพลงแล้ว ขณะนั้น สนัง กุมารพรหมมา
จากพรหมโลก ปรากฏแก่ข้าพระพุทธเจ้าพรหมนั้นพยากรณ์ปัญหา