พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/182/225 226

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 182
ระอา ความท้อใจว่า ก็เราได้สดับความ ข้อนี้มาต่อพราหมณ์ ผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ พูดกันว่า ผู้ใดหลีกออก เร้นอยู่ เพ่งกรุณาฌานอยู่ตลอด ๔ เดือน ในฤดูฝน ผู้นั้นย่อมเห็นพรหม ย่อม สนทนา ปราศรัย ปรึกษากับพรหมได้ แต่เราก็มิได้เห็นพรหม มิได้สนทนา ปราศรัย ปรึกษากับพรหม ฯ ครั้งนั้น สนังกุมารพรหม ทราบความปริวิตกแห่งใจของมหาโควินท พราหมณ์ ด้วยใจ แล้ว จึงหายไปในพรหมโลก มาปรากฏเฉพาะหน้ามหาโควินท พราหมณ์ เหมือนบุรุษมีกำลัง เหยียดแขนที่คู้ออก หรือคู้แขนที่เหยียดเข้า ฉะนั้น ครั้งนั้น มหาโควินทพราหมณ์มีความกลัว หวาดเสียว ขนลุกชูชัน เพราะเห็น รูปที่ไม่เคยเห็น ครั้งนั้น มหาโควินทพราหมณ์ กลัว หวาดเสียว ขนลุกชูชัน ได้กล่าวกะสนังกุมารพรหมด้วยคาถาว่า
[๒๒๕] ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ ท่านเป็นใครเล่า มีวรรณมียศ มีสิริ ข้าพเจ้า ไม่รู้จักจึงถามท่าน ไฉนข้าพเจ้าจะพึงรู้จักท่านได้ ฯ ส. เทวดาทั้งปวงรู้จักเราว่า กุมารเก่าในพรหมโลก เทวดาทั้ง ปวงรู้จักเรา ดูกรโควินท์ ท่านจงรู้จักเราอย่างนี้ ฯ ม. อาสนะ น้ำ น้ำมันทาเท้า น้ำผึ้งเคี่ยวไฟ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญ ท่านด้วย ของควรค่า ขอท่านจงรับของควรค่าของข้าพเจ้า เถิด ฯ ส. ดูกรโควินท์ เราย่อมรับของควรค่าของท่าน ที่ท่านพูดถึง นั้น ท่าน ผู้ที่เราให้โอกาสแล้ว จงถามความที่ท่านปรารถนา เถิด เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลในปัจจุบัน และสุขใน ภพหน้า ฯ
[๒๒๖] ครั้งนั้น มหาโควินทพราหมณ์มีความดำริว่า เรามีโอกาสอัน สนังกุมารพรหม ให้แล้ว เราจะพึงถามทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ หรือสัมปรายิกัตถ ประโยชน์ กะสนังกุมารพรหม ดีหนอ ลำดับนั้น มหาโควินทพราหมณ์มีความ ดำริว่า เราเป็นผู้ฉลาดในทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ แม้ชนเหล่าอื่นก็ถามทิฏฐธัมมิกัตถ ประโยชน์กะเรา ดังนั้น เราพึงถามสัมปรายิกัตถประโยชน์ กะสนังกุมาร พรหมเถิด ฯ