พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/178/100
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
หน่อยหนึ่งไม่มี ดังนี้ ... เพราะก้าวล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุจึงบรรลุ
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน โดยคำนึงว่า ธรรมชาตินี้สงัด ธรรมชาตินี้ประณีต ดังนี้ ดูกรอุบาลี
เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่
อันมีในก่อนมิใช่หรือ ฯ
อุ. เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงซ่องเสพเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์
ของตนโดยลำดับก่อน ฯ
ดูกรอุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการ
ทั้งปวง ภิกษุจึงบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติอยู่ และอาสวะของภิกษุนั้นเป็นกิเลสหมดสิ้น
ไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา ดูกรอุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การอยู่เช่นนี้
เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ ฯ
อุ. เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงซ่องเสพเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์
ของตนโดยลำดับก่อน ดูกรอุบาลี เธอจงอยู่ในสงฆ์เถิด เมื่อเธออยู่ในสงฆ์ ความสำราญจักมี
จบสูตรที่ ๙
อภัพพสูตร
[๑๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลยังละธรรม ๑๐ ประการนี้ ไม่ได้แล้วก็เป็นผู้ไม่ควร
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ราคะ ๑โทสะ ๑ โมหะ ๑ โกธะ ๑
อุปนาหะ ๑ มักขะ ๑ ปฬาสะ ๑ อิสสา ๑มัจฉริยะ ๑ มานะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล
ยงละธรรม ๑๐ ประการนี้แลไม่ได้ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัต ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล