พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/176/219
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
ครั้งนั้นสนังกุมารพรหม นิมิตอัตตภาพใหญ่ยิ่ง เป็นเพศกุมารีแกละ ๕ แกละ ปรากฏแก่เทวดา
ชั้นดาวดึงส์ สนังกุมารพรหม นั้นเหาะขึ้นยังเวหาส นั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศที่ว่าง เปรียบดัง
บุรุษผู้มีกำลังนั่ง ขัดสมาธิอยู่บนบัลลังก์ที่ขลาดเรียบร้อย หรือบนภาคพื้นราบเรียบฉะนั้น แล้วเรียก
เทวดาชั้นดาวดึงส์มาว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เทวดาชั้นดาวดึงส์จะสำคัญความ ข้อนั้นเป็นไฉน
พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นผู้มีพระปัญญามากได้มีมาแล้ว สิ้นกาลนานเพียงไร ฯ
ดูกรท่านผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระราชาทรงพระนามว่าทิสัมบดี พราหมณ์นามว่า
โควินทะ เป็นปุโรหิตของพระเจ้าทิสัมบดีพระกุมารพระนามว่า เรณู เป็นโอรสของพระเจ้า
ทิสัมบดี มาณพมีนามว่า โชติปาละ เป็นบุตรของ โควินทพราหมณ์ คน ๘ คนเหล่านี้คือ พระราช
โอรสพระนามว่า เรณู ๑ โชติ ปาลมาณพ ๑ และกษัตริย์อื่นอีก ๖ พระองค์ เป็นสหายกันดังนี้
ครั้งนั้น โดย วันคืนล่วงไปๆ โควินทพราหมณ์ได้ทำกาละ เมื่อโควินทพราหมณ์กระทำกาละแล้ว
พระเจ้าทิสัมบดีทรงพระรำพันว่า สมัยใด เรามอบราชกิจทั้งปวงไว้ในโควินทพราหมณ์ แล้ว
สะพรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณ บำเรออยู่ สมัยนั้น โควินทพราหมณ์ถึง อนิจจกรรมเสียแล้ว ฯ
เมื่อท้าวเธอดำรัสอย่างนี้แล้ว เรณูราชโอรสได้กราบทูลพระเจ้าทิสัมบดีว่า ขอเดชะ
เมื่อท่านโควินทพราหมณ์ถึงอนิจจกรรมแล้ว พระองค์อย่าทรงกรรแสง นักเลย โชติปาลมาณพบุตร
ของโควินทพราหมณ์ยังมีอยู่ เขาฉลาดกว่าทั้งสามารถ กว่าบิดา บิดาของเขาสั่งสอนอรรถเหล่าใด
แม้อรรถเหล่านั้น โชติปาลมาณพก็ สั่งสอนได้เหมือนกัน อย่างนั้นหรือ พ่อกุมาร อย่างนั้น
ขอเดชะ ฯ
ลำดับนั้น พระเจ้าทิสัมบดีจึงตรัสเรียกบุรุษคนหนึ่งมารับสั่งว่า มานี่เถิด บุรุษผู้เจริญ
ท่านจงเข้าไปหาโชติปาลมาณพถึงที่อยู่ แล้วจงบอกกะโชติปาลมาณพ อย่างนี้ว่า ขอความเจริญจง
มีแก่ท่านโชติปาลมาณพเถิด พระเจ้าทิสัมบดีรับสั่ง ให้ท่านโชติปาลมาณพเข้าไปเฝ้า พระเจ้าทิสัมบดี
ทรงมีพระราชประสงค์จะทอด พระเนตรท่านโชติปาลมาณพ ฯ
บุรุษนั้นทูลรับคำพระเจ้าทิสัมบดีแล้ว เข้าไปหาโชติปาลมาณพถึงที่อยู่ แล้วได้กล่าวว่า
ขอความเจริญจงมีแก่ท่านโชติปาลมาณพเถิด พระเจ้าทิสัมบดี รับสั่งให้ท่านโชติปาลมาณพเข้าไปเฝ้า
ทรงมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตร ท่านโชติปาลมาณพ ฯ
โชติปาลมาณพรับคำบุรุษนั้น แล้วเข้าไปเฝ้าพระเจ้าทิสัมบดีถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับ
พระเจ้าทิสัมบดี ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง