พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/173/119
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญอิทธิบาท ๔ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพ
เจริญอิทธิบาท ๔ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัยแล้วปฏิญาณความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญอินทรีย์ ๕ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญ
อินทรีย์ ๕ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัยแล้วปฏิญาณความสิ้นไป
แห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญโพชฌงค์ ๗ อบรมดีแล้ว ข้อที่ภิกษุผู้ขีณาสพ
เจริญโพชฌงค์ ๗ อบรมดีแล้ว นี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ที่ท่านอาศัยแล้วปฏิญาณความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อบรมดีแล้ว ข้อที่
ภิกษุผู้ขีณาสพเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อบรมดีแล้วนี้เป็นกำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ
ที่ท่านอาศัยแล้วปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ๑ ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กำลังของภิกษุผู้ขีณาสพ ๘ ประการนี้แล ที่เป็นเหตุให้ท่าน
ผู้ประกอบแล้วปฏิญาณความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายได้ว่า อาสวะทั้งหลายของเราสิ้นแล้ว ฯ
จบสูตรที่ ๘
อักขณสูตร
[๑๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมกล่าวว่า โลกได้ขณะจึงทำกิจๆ
แต่เขาไม่รู้ขณะหรือมิใช่ขณะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลมิใช่ขณะมิใช่สมัยในการอยู่ประพฤติ
พรหมจรรย์ ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้
เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก
เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้
เบิกบานแล้วเป็นผู้จำแนกธรรม และธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดง นำความสงบมาให้