พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/173/217 218
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
คลองจักษุของเทวดาชั้นดาวดึงส์เมื่อสนังกุมาร พรหมปรากฏแก่เทวดาชั้นดาวดึงส์นั้น ย่อมรุ่งเรือง
ล่วงเทวดาเหล่าอื่นด้วยวรรณ และยศ เหมือนกายเทวดาย่อมรุ่งเรืองล่วงกายมนุษย์ ฉะนั้น เมื่อ
สนังกุมาร พรหมปรากฏแก่เทวดาชั้นดาวดึงส์ นั้นเทวดาไหนๆ ในบริษัทนั้น ไม่ไหว้ ไม่ ลุกรับ
และไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ เทวดาทั้งหมดนั่งประณมมือนิ่งอยู่บนบัลลังก์ ด้วยความดำริว่า บัดนี้
สนังกุมารพรหมปรารถนาบัลลังก์ของเทวดาผู้ใด จักนั่ง บนบัลลังก์ของเทวดาผู้นั้น ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญสนัง กุมารพรหมนั่งบนบัลลังก์ ของเทวดาใด เทวดาผู้นั้นย่อมได้ความยินดี ได้โสมนัส
อย่างยิ่ง ดังพระราชาผู้ กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว เสวยราชสมบัติใหม่ๆ ย่อม ได้ความยินดี ได้
ความ โสมนัสอย่างยิ่งฉะนั้น ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้งนั้น สนังกุมารพรหมทราบความเบิกบานใจ ของเทวดาชั้น
ดาวดึงส์หายไปแล้ว บันเทิงตามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
[๒๑๗] ดูกรท่านผู้เจริญ เทวดาชั้นดาวดึงส์ พร้อมด้วยพระอินทร์ ย่อม
บันเทิงใจ ถวายนมัสการพระตถาคตและความที่พระธรรม เป็นธรรมดี เห็น
เทวดาผู้ใหม่ๆ มีวรรณ มียศ ประพฤติ พรหมจรรย์ในพระสุคตแล้วมา
ในที่นี้ เทวดาเหล่านั้นเป็นสาวก ของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงพระปัญญากว้าง
ขวาง บรรลุคุณวิเศษ แล้วย่อมรุ่งเรืองล่วงเทวดาเหล่าอื่น ณ ที่นี้ ด้วยวรรณ
ด้วยยศ และอายุ เทวดาชั้นดาวดึงส์ พร้อมด้วยพระอินทร์ เห็นเช่นนี้
แล้วย่อมยินดีถวายนมัสการพระตถาคต และความที่พระธรรม เป็นธรรมดี ฯ
[๒๑๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความข้อนี้ สนังกุมารพรหมได้กล่าว แล้ว เสียงของ
สนังกุมารพรหมผู้กล่าวเนื้อความนี้ ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ แจ่มใส ๑ ชัดเจน ๑
นุ่มนวล ๑ น่าฟัง ๑ กลมกล่อม ๑ ไม่พร่า ๑ ลึก ๑ มีกังวาน ๑ สนังกุมารพรหมย่อมให้
บริษัทประมาณเท่าใดทราบความด้วย เสียง กระแสเสียงก็ไม่แพร่ไปในภายนอกบริษัทเท่านั้น ก็ผู้
ใดมีเสียงประกอบ ด้วยองค์ ๘ ประการอย่างนี้ ผู้นั้นท่านกล่าวกันว่า มีเสียงดังเสียงพรหม ฯ