พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/172/409 410
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
แห่งปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงเบื่อหน่ายในปฐวีธาตุ ถ้าว่าเครื่องสลัดออกแห่ง
ปฐวีธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงสลัด
[ตน] ออกจากปฐวีธาตุ ก็เพราะเครื่อง
สลัดออกจากปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงสลัด
[ตน] ออกจากปฐวีธาตุ ถ้าว่าความ
แช่มชื่นแห่งอาโปธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ ... แห่งเตโชธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ ... ถ้าว่าความแช่มชื่นแห่ง
วาโยธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงยินดีในวาโยธาตุ ก็เพราะความแช่มชื่นแห่ง
วาโยธาตุมีอยู่แลฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงยินดีในวาโยธาตุ ถ้าว่าโทษแห่งวาโยธาตุไม่ได้มีแล้ว
ไซร้สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงเบื่อหน่ายในวาโยธาตุ ถ้าว่าเครื่องสลัดออกแห่งวาโยธาตุไม่ได้มี
แล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงสลัด
[ตน] ออกจากวาโยธาตุ ก็เพราะเครื่องสลัดออกแห่ง
วาโยธาตุมีอยู่แล ฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงสลัด
[ตน] ออกจากวาโยธาตุ ฯ
[๔๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตราบเท่าที่สัตว์เหล่านี้ยังไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่ง
ความแช่มชื่นโดยเป็นความแช่มชื่น ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษซึ่งเครื่องสลัดออก โดยความ
เป็นเครื่องสลัดออกแห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้เพียงใดสัตว์เหล่านี้ก็ยังสลัดตนออกไม่ได้ พรากออก
ไม่ได้ ยังไม่หลุดพ้นไปจากโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก และจากหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ มีใจข้ามพ้นจากแดนกิเลสและวัฏฏะไม่ได้เพียงนั้น
ก็เมื่อใดแลสัตว์เหล่านี้ได้ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งความแช่มชื่นโดยเป็นความแช่มชื่น
ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออกแห่งธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้
เมื่อนั้นสัตว์เหล่านี้ย่อมสลัดตนออกได้ พรากออกได้ หลุดพ้นไปจากโลกพร้อมทั้งเทวโลก
มารโลก พรหมโลก และจากหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ จึงได้มีใจ
ข้ามพ้นจากแดนกิเลสและวัฏฏะอยู่ ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๔
๕. ทุกขสูตร
[๔๑๐] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฐวีธาตุนี้ จักมีทุกข์โดยส่วนเดียว อันทุกข์ติดตามถึง อันทุกข์