พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/171/117

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เล่ม 23
หน้า 171
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล อุบาสกชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ฯ ช. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ฯ พ. ดูกรชีวก เมื่อใดแล อุบาสกเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง และชักชวน ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ๑ ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วย ศีล ๑ ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยจาคะ ๑ ตนเองเป็นผู้ใคร่ เพื่อเห็นภิกษุ และชักชวนผู้อื่นในการเห็นภิกษุ ๑ ตนเองเป็นผู้ใคร่เพื่อฟังสัทธรรม และชักชวน ผู้อื่นในการฟังสัทธรรม ๑ตนเองเป็นผู้ทรงจำธรรมที่ตนเองฟังแล้ว และชักชวนผู้อื่นเพื่อการ ทรงจำธรรม ๑ตนเองเป็นผู้พิจารณาอรรถแห่งธรรมที่ตนฟังแล้ว และชักชวนผู้อื่นในการพิจารณา อรรถแห่งธรรม ๑ ตนเองรู้ทั่วถึงอรรถผู้ทั่วถึงธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมและชักชวน ผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แลอุบาสกชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ตนและเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ฯ จบสูตรที่ ๖ พลสูตรที่ ๑
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทารกทั้งหลายมีการร้องไห้เป็นกำลัง ๑ มาตุคามทั้งหลายมีความโกรธเป็นกำลัง ๑ โจรทั้งหลาย มีอาวุธเป็นกำลัง ๑ พระราชาทั้งหลายมีอิสริยยศเป็นกำลัง ๑คนพาลทั้งหลายมีการเพ่งโทษผู้อื่น เป็นกำลัง ๑ บัณฑิตทั้งหลายมีการไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง ๑ พหุสุตบุคคลทั้งหลายมีการพิจารณา เป็นกำลัง ๑ สมณพราหมณ์ทั้งหลายมีขันติเป็นกำลัง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๘ ประการ นี้แล จบสูตรที่ ๗