พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/169/196

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 169
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ภิกษุใดผู้มีมิตรดี มีความยำเกรง มีความเคารพ กระทำตามคำของมิตรดี ทั้งหลาย มีสติสัมปชัญญะ ภิกษุนั้นพึงบรรลุธรรมอันเป็นที่สิ้นไป แห่งสังโยชน์ทั้งปวงโดยลำดับ ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๗ ๘. เภทสูตร
[๑๙๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม อย่างหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อความไม่เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อไม่ใช่ความสุข แก่ชนมาก เพื่อความฉิบหายแก่ชนมากเพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน คือ สังฆเภท ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว ย่อมมีการบาดหมางซึ่งกันและกัน มีการบริภาษซึ่งกันและกัน มีการดูหมิ่นซึ่งกันและกัน มีการ ขับไล่ซึ่งกันและกัน ในเพราะสงฆ์แตกกันนั้น ชนทั้งหลายผู้ยังไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส และผู้เลื่อมใสบางพวกย่อมเป็นอย่างอื่นไป ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ผู้ทำลายสงฆ์ต้องไปเกิดในอบาย ตกนรกตั้งอยู่ตลอดกัป ผู้มีความยินดี ในพวก ตั้งอยู่ในอธรรม ย่อมเสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ ผู้นั้น ครั้นทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันแล้ว ย่อมหมกไหม้อยู่ในนรกตลอดกัป ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๘