พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/163/537 538 539 540 541      
      สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
      
     
 
    
        
          
            		       จาลาสูตรที่ ๖
 [๕๓๗] สาวัตถีนิทาน ฯ
    ครั้งนั้น เวลาเช้า จาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป   บิณฑบาตยัง
พระนครสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว
เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวัน แล้วจึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง ฯ
 [๕๓๘] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้จาลาภิกษุณีบังเกิดความกลัว   ความหวาดเสียว
ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึง เข้าไปหาจาลาภิกษุณีถึงที่นั่งพัก
 ครั้นแล้วได้กล่าวกะจาลาภิกษุณีว่า ดูกรภิกษุณี    ท่านไม่ชอบใจอะไรหนอ ฯ
    จาลาภิกษุณีตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เราไม่ชอบความเกิดเลย ฯ
 [๕๓๙] ม. เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงไม่ชอบความเกิดผู้เกิดมาแล้วย่อม
 บริโภคกาม ใครหนอให้ท่านยึดถือเรื่องนี้ อย่าเลยภิกษุณี    ท่านจง
ชอบความเกิดขึ้น ฯ
 [๕๔๐] จา. ความตายย่อมมีแก่ผู้ที่เกิดมาแล้ว ผู้ที่เกิดมาแล้วย่อมพบ   เห็นทุกข์ คือ
การจองจำ การฆ่า ความเศร้าหมอง   เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ชอบ
ความเกิด ฯ
  พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเป็นเครื่องก้าวล่วงความเกิด     พระองค์
สอนให้เราตั้งอยู่ในสัจจะ  เพื่อละทุกข์ทั้งมวล ฯ
  สัตว์เหล่าใดเข้าถึงรูปภพ และสัตว์เหล่าใดเป็นภาคีแห่ง อรูปภพ
สัตว์เหล่านั้นเมื่อยังไม่รู้นิโรธ ต้องมาสู่ภพอีก ฯ
    ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า จาลาภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้    จึงได้อันตรธานไปใน
ที่นั้นเอง ฯ
		      อุปจาลาสูตรที่ ๗
 [๕๔๑] สาวัตถีนิทาน ฯ