พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/163/199 200

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 163

[๑๙๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้ เมื่อ สนังกุมาร พรหมกล่าวประกาศความข้อนี้ เทวดาทั้งหลายสำคัญว่า ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ ของเรานี้ผู้เดียวกล่าว ฉะนั้นพระโบราณจารย์จึงกล่าวว่า เมื่อสนังกุมารพรหมกล่าวผู้เดียว รูปนิรมิตทั้งหมดก็กล่าว เมื่อ สนังกุมาร พรหมนิ่งผู้เดียว รูปนิรมิตเหล่านั้นทั้งหมดก็นิ่ง เทวดาชั้นดาวดึงส์พร้อม ด้วยพระอินทร์ ย่อมสำคัญสนังกุมารพรหม นั้นว่า ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ของ เรานี้ ผู้เดียวเท่านั้นกล่าว ฯ
[๒๐๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้งนั้นแล สนังกุมารพรหมกลับคืนตน เป็นผู้เดียว แล้วนั่งบนบัลลังก์ของท้าวสักกะจอมเทพ แล้วเรียกเหล่าเทวดาชั้นดาว ดึงส์มากล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย เหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์จะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน อิทธิบาท ๔ เหล่านี้ อันพระผู้ มีพระภาคผู้รู้ผู้เห็นเป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงบัญญัติไว้แล้ว เพื่อความ ทำฤทธิ์ให้มาก เพื่อความทำ ฤทธิ์ให้วิเศษ เพื่อแสดงฤทธิ์ได้ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน ท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยฉันทสมาธิ และปธานสังขาร เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยวิริยสมาธิ และปธานสังขาร เจริญอิทธิบาทประกอบ ด้วยจิตตสมาธิ และปธานสังขาร เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยวิมังสาสมาธิ และ ปธานสังขาร อิทธิบาท ๔ เหล่า นี้แล อันพระผู้มีพระภาคผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติ ไว้แล้ว เพื่อความทำฤทธิ์ให้มาก เพื่อ ความทำฤทธิ์ให้วิเศษ เพื่อแสดงฤทธิ์ได้ สมณะหรือ พราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอดีตกาล แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ทั้งหมด ทำ ได้ เพราะเจริญ เพราะให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอนาคตกาล จักแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง สมณะหรือพราหมณ์ เหล่านั้น ทั้งหมดจักทำได้ เพราะเจริญ เพราะทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในปัจจุบันกาล แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ทำได้เพราะเจริญ เพราะทำให้มากซึ่ง อิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล เทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหลาย ไม่เห็น อิทธานุภาพเห็นปานนี้ ของเราดอกหรือ ฯ เห็นแล้ว ท่านมหาพรหม ฯ แม้เรา มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มี อานุภาพมากอย่างนี้ ก็เพราะเจริญ เพราะทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล ฯ