พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/162/111
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ หากท่านผู้มีอายุนั้นแสดงธรรมแก่กระผม กระผมก็ฟังโดยความเคารพ
แท้ๆ ไม่ใช่ฟังโดยความไม่เคารพ หากท่านผู้มีอายุนั้นไม่แสดงธรรมแก่กระผม กระผมก็แสดง
ธรรมแก่ท่านนั้น นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๖ ของกระผมที่มีอยู่ ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ไม่น่าอัศจรรย์ที่เทวดาทั้งหลายเข้าไปหากระผม แล้วบอกว่า ดูกร
คฤหบดี ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว เมื่อเทวดาทั้งหลายกล่าวอย่างนี้แล้ว กระผมจึงพูด
เทวดาเหล่านั้นอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายพึงบอกอย่างนี้หรือไม่พึงบอกอย่างนี้ก็ตาม แท้ที่จริง
ธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้วแต่กระผมก็ไม่รู้สึกเลยว่า ความฟูใจจะมีมาแต่เหตุนั้น ข้อที่
เทวดาทั้งหลายมาหากระผม หรือกระผมได้ปราศรัยกับเทวดาทั้งหลาย นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์
อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๗ ของกระผมที่มีอยู่ ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมไม่พิจารณาเห็นสังโยชน์ไรๆ ในโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ที่พระ
ผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนั้นว่า ยังละไม่ได้ในตน นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อ
ที่ ๘ ของกระผมที่มีอยู่ ข้าแต่ท่านผู้เจริญธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ ของ
กระผมที่มีอยู่นี้แล กระผมก็ไม่รู้ว่า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์กระผมว่า เป็นผู้ประกอบด้วย
ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการเป็นไฉน ฯ
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นรับบิณฑบาตในนิเวศน์ของอุคคคฤหบดีชาวเมืองเวสาลีแล้ว ลุกจากที่
นั่งหลีกไป ภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
แล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลคำสนทนาปราศรัยกับอุคคคฤหบดีชาวเมือง
เวสาลีทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ ถูกแล้วๆ อุคคคฤหบดีชาวเมืองเวสาลี เมื่อจะพยา
กรณ์ พึงพยากรณ์ตามนั้นโดยชอบ ดูกรภิกษุ เราพยากรณ์อุคคคฤหบดีว่า เป็นผู้ประกอบด้วย
ธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้แล และเธอทั้งหลายจงทรงจำอุคคคฤหบดีชาวเมือง
เวสาลีว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๑