พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/161/431 432

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 161

[๔๓๑] คำว่า ... เมื่อเห็น ... ว่าติดอยู่ในรูปาทิขันธ์เครื่องยึดถือ ความว่า สัตว์เหล่าใด ย่อมยึดถือ เข้าไปยึดถือ ถือไว้ จับต้อง ถือมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คติ อุปบัติ ปฏิสนธิ ภพ สงสาร วัฏฏะ สัตว์เหล่านั้นตรัสว่า ติดอยู่ในรูปาทิขันธ์เครื่อง ยึดถือ. คำว่า อิติ เป็นบทสนธิ. ฯลฯ คำว่า อิติ นี้ เป็นไปตามลำดับบท. คำว่า เมื่อเห็น คือ เมื่อพบ เมื่อแลเห็น เมื่อตรวจดู เมื่อเพ่งดู เมื่อพิจารณาอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ... เมื่อเห็น ... ว่าติดอยู่ในรูปาทิขันธ์ เครื่องยึดถือ.
[๔๓๒] คำว่า ปชํ เป็นชื่อของสัตว์ ในอุเทศว่า ปชํ อิมํ มจฺจุเธยฺเย วิสตฺตํ ดังนี้. กิเลสก็ดี ขันธ์ก็ดี อภิสังขารก็ดี ตรัสว่า บ่วงแห่งมัจจุ ในคำว่า มจฺจุเธยฺเย. หมู่สัตว์ ข้อง เกี่ยวข้อง เกาะเกี่ยว พัวพัน ในบ่วงแห่งมัจจุ คือ ในบ่วงแห่งมาร ในบ่วงแห่งมรณะ. สิ่งของข้องเกี่ยวอยู่ เกี่ยวเกาะ พันอยู่ที่ตาปูติดฝา หรือที่ไม้นาคพันธ์ (ท่อนไม้โอนเหมือน งาช้าง) ฉันใด หมู่สัตว์ข้อง เกี่ยวข้อง เกาะเกี่ยว พัวพัน ในบ่วงแห่งมัจจุ คือ ในบ่วง แห่งมาร ในบ่วงแห่งมรณะ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ... หมู่สัตว์นี้ข้องอยู่ใน บ่วงมัจจุ. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า เพราะเหตุนั้น ภิกษุรู้อยู่ เมื่อเห็นซึ่งหมู่สัตว์นี้ผู้ข้องอยู่ในบ่วง แห่งมัจจุว่า เป็นผู้ติดอยู่ในรูปาทิขันธ์เครื่องยึดถือ พึงเป็นผู้มีสติ ไม่เข้าไปยึดถืออะไรๆ ในโลกทั้งปวง. พร้อมด้วยเวลาจบพระคาถา ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเป็นศาสดาของ ข้าพระองค์. ข้าพระองค์เป็นสาวก ฉะนี้แล. จบ ภัทราวุธมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๑๒. -----------