พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/161/111
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
โทษของกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และอานิสงส์ในเนกขัมมะ ในคราวที่พระผู้มีพระภาคได้ทรง
ทราบกระผมว่า มีจิตควร อ่อนปราศจากนิวรณ์ บันเทิง ผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศสามุกังสิกา
ธรรมเทศนาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เปรียบเหมือนผ้าที่บริสุทธิ์
ไม่หมองดำ จะพึงรับน้ำย้อมได้ดี แม้ฉันใด ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน เกิด
ขึ้นแล้วแก่กระผม ณ ที่นั่งนั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมี
ความดับไปเป็นธรรมดา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมได้เห็นธรรมแล้ว บรรลุ
ธรรมแล้ว รู้แจ้งธรรมแล้ว หยั่งซึ้งถึงธรรมแล้ว ปราศจากความเคลือบแคลงแล้ว ถึงความ
แกล้วกล้าแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้ถึงพระพุทธเจ้าพระธรรม และ
พระสงฆ์ว่าเป็นสรณะแล้ว และสมาทานสิกขาบทอันมีพรหมจรรย์เป็นที่ ๕ แล้ว ณ ที่นั่งนั้นแล
นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๒ของกระผมที่มีอยู่ ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมมีปชาบดีรุ่นสาวอยู่ ๔ คน กระผมได้เข้าไปหาปชาบดีเหล่านั้น
แล้ว ได้กล่าวกะเธอเหล่านั้นว่า ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย ฉันสมาทานสิกขาบทอันมีพรหมจรรย์
เป็นที่ ๕ ผู้ใดปรารถนา ผู้นั้นจงใช้โภคะเหล่านี้และทำบุญได้ หรือจะกลับไปสู่ตระกูลญาติของตัว
ก็ได้ หรือประสงค์ชายอื่น ฉันก็จะมอบให้แก่เขา เมื่อกระผมกล่าวอย่างนี้แล้ว ปชาบดีคนแรก
ได้พูดกะกระผมว่าขอท่านได้กรุณามอบดิฉันให้แก่ชายชื่อนี้เจ้าค่ะ กระผมก็ให้เชิญชายผู้นั้นมา
เอามือซ้ายจับปชาบดี มือขวาจับเต้าน้ำ หลั่งน้ำมอบให้ชายคนนั้น ก็เมื่อบริจาคปชาบดีสาว
เป็นทาน กระผมไม่รู้สึกว่าจิตแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเลย นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมี
มาข้อที่ ๓ ของกระผมที่มีอยู่ ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ในตระกูลของกระผมมีโภคทรัพย์อยู่มาก และโภคทรัพย์เหล่านั้น
กระผมแจกจ่ายทั่วไปถึงผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๔
ของกระผมที่มีอยู่ ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมเข้าไปหาภิกษุรูปใด กระผมก็เข้าไปหาด้วยความเคารพทีเดียว
ไม่ใช่เข้าไปหาด้วยความไม่เคารพ นี้แลเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาข้อที่ ๕ ของกระผม
ที่มีอยู่ ฯ