พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/161/292 293 294      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            	    ๙.  กายคตาสติสูตร  (๑๑๙)
 [๒๙๒]  ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
	สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน  อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี  ครั้งนั้นแล  ภิกษุมากด้วยกันกลับจากบิณฑบาต  ภายหลังเวลาอาหารแล้ว
นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลา  เกิดข้อสนทนากันขึ้นในระหว่างดังนี้ว่า  ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
 น่าอัศจรรย์จริง  ไม่น่าเป็นไปได้เลย  เท่าที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น  ผู้ทรงรู้  ทรงเห็น
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ  ตรัสกายคตาสติที่ภิกษุเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  ว่ามี  ผลมาก
 มีอานิสงส์มากนี้  ข้อสนทนากันในระหว่างของภิกษุเหล่านั้น  ค้างอยู่  เพียงเท่านี้แล  ฯ
 [๒๙๓]  ขณะนั้น  พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากสถานที่ทรงหลีกเร้นอยู่ในเวลาเย็น
เสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลานั้น  ครั้นแล้วจึงประทับนั่ง  ณ  อาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้  แล้วตรัสถาม
ภิกษุทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  บัดนี้  พวกเธอ  นั่งประชุมสนทนาเรื่องอะไรกัน  และพวกเธอ
สนทนาเรื่องอะไรค้างอยู่ในระหว่าง  ฯ
	ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ณ  โอกาสนี้  พวกข้าพระองค์กลับจากบิณฑบาต
ภายหลังเวลาอาหารแล้ว  นั่งประชุมกันในอุปัฏฐานศาลาเกิดข้อสนทนากันขึ้นในระหว่างดังนี้ว่า
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย  น่าอัศจรรย์จริงไม่น่าเป็นไปได้เลย  เท่าที่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ผู้ทรงรู้  ทรงเห็น  เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ  ตรัสกายคตาสติที่ภิกษุเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว
ว่ามีผลมาก  มีอานิสงส์มากนี้  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้อสนทนากันในระหว่างของพวกข้าพระองค์
ได้ค้างอยู่เพียงเท่านี้  พอดีพระผู้มีพระภาคก็เสด็จมาถึง  ฯ
 [๒๙๔]  พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็กายคตาสติอันภิกษุเจริญแล้ว
อย่างไร  ทำให้มากแล้วอย่างไร  จึงมีผลมาก  มีอานิสงส์มาก  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้  อยู่ในป่าก็ดี  อยู่ที่โคนไม้ก็ดี  อยู่ในเรือนว่างก็ดี  นั่งคู้บัลลังก์  ตั้งกายตรง