พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/160/528 529 530      
      สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
      
     
 
    
        
          
            		       โคตมีสูตรที่ ๓
 [๕๒๘] สาวัตถีนิทาน ฯ
    ครั้งนั้น เวลาเช้า กิสาโคตมีภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาต
ในพระนครสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว
เข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักผ่อนกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้
ต้นหนึ่ง ฯ
 [๕๒๙] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้กิสาโคตมีภิกษุณีบังเกิดความกลัว ความหวาด
เสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ   จึงเข้าไปหากิสาโคตมีภิกษุณี
ถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้ว ได้กล่าวกะกิสาโคตมีภิกษุณี    ด้วยคาถาว่า
ท่านมีบุตรตายแล้ว มานั่งอยู่คนเดียว มีหน้าเหมือนคนร้องไห้ มาอยู่
กลางป่าคนเดียว กำลังแสวงหาบุรุษบ้างหรือหนอ ฯ
 [๕๓๐] ลำดับนั้น กิสาโคตมีภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่ใครหนอกล่าว   คาถา จะเป็น
มนุษย์หรืออมนุษย์
    ทันใดนั้น กิสาโคตมีภิกษุณีได้มีความดำริว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะให้เราบังเกิด
ความกลัว ความหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงกล่าว
คาถา ฯ
    ครั้นกิสาโคตมีภิกษุณีทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาปแล้ว จึงได้กล่าวกะมารผู้มีบาปด้วยคาถาว่า
เรามีบุตรตายแล้ว เหมือนความตายของบุตร ถึงที่สุดแล้ว บุรุษทั้งหลาย
ก็มีความตายของบุตรนี้เป็นที่สุดเหมือนกัน เราไม่เศร้าโศก ไม่ร้องไห้
ไม่กลัวความตายนั้นดอก ฯ
ผู้มีอายุ ความเพลิดเพลินในส่วนทั้งปวง เรากำจัดแล้ว  กองมืดเรา
ทำลายแล้ว เราชนะเสนาแห่งมัจจุแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่ ฯ
    ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า กิสาโคตมีภิกษุณีรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้
อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ