พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/158/290      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            ความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  เธอ  เมื่อค้นคว้า  ไตร่ตรอง  ถึงความพิจารณาธรรมด้วย
ปัญญาอยู่  ย่อมเป็นอันปรารภ  ความเพียรไม่ย่อหย่อน  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  ภิกษุค้นคว้า  ไตร่ตรอง  ถึงความพิจารณา ธรรมนั้นด้วย
ปัญญา  ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน  ในสมัยนั้น  วิริยสัมโพชฌงค์  ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
 สมัยนั้น  ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์สมัยนั้น  วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญ
และความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  ปีติ  ปราศจากอามิสย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  ปีติปราศจากอามิสเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภ  ความเพียรแล้ว
ในสมัยนั้น  ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว  สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปีติ
สัมโพชฌงค์  สมัยนั้น  ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  ภิกษุผู้มีใจ
เกิดปีติ  ย่อมมีทั้งกายทั้งจิตระงับได้  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  ทั้งกายทั้งจิตของภิกษุผู้มีใจเกิดปีติ  ระงับได้  ในสมัยนั้น
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว  สมัยนั้น  ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์  สมัยนั้น  ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  ภิกษุ
ผู้มีกายระงับแล้ว  มีความสุข  ย่อมมีจิตตั้งมั่น  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  จิตของภิกษุผู้มีกายระงับแล้ว  มีความสุข  ย่อมตั้งมั่น  ใน
สมัยนั้น  สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว  สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสมาธิ
สัมโพชฌงค์  สมัยนั้น  สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  ภิกษุนั้น
ย่อมเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้เป็นอย่างดี  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  ภิกษุเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้  เป็นอย่างดี  ใน
สมัยนั้น  อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว  สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญ
อุเบกขาสัมโพชฌงค์  สมัยนั้น  อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ  ฯ
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมัยใด  ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา  มีความเพียร  รู้สึกตัว
มีสติ  กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่  ในสมัยนั้น  สติย่อมเป็นอันเธอผู้เข้าไปตั้งไว้
แล้วไม่เผลอเรอ...