พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/142/87
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบการงาน ยินดีในการงาน ประกอบเนืองๆ ซึ่งความเป็นผู้ชอบ
การงาน ก็ความเป็นผู้ชอบการงานนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว
ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบในการคุย ผู้ยินดีในการคุย ประกอบเนืองๆซึ่งความเป็นผู้ชอบคุย ก็ความ
เป็นผู้ชอบคุยนี้ เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบการ
นอนหลับ ยินดีในการนอนหลับ ประกอบเนืองๆ ซึ่งความเป็นผู้ชอบนอนหลับ ก็ความเป็น
ผู้ชอบนอนหลับนี้เป็นความเสื่อมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบความ
เป็นผู้คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ยินดีในความเป็นผู้คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ประกอบเนืองๆซึ่งความ
เป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ก็ความเป็นผู้ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คณะนี้เป็นความเสื่อมใน
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ท่านผู้นี้เป็นผู้มีสติหลงลืมถึงความทอดธุระในระหว่างใน
คุณวิเศษเบื้องบน ด้วยการบรรลุคุณวิเศษเบื้องต่ำก็ความทอดธุระในระหว่างนี้ เป็นความเสื่อม
ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอไม่ละธรรม ๑๐
ประการนี้แล้วจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกร
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอละธรรม ๑๐ ประการนี้แล้ว จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์
ในธรรมวินัยนี้ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะที่มีได้ ฯ
จบสูตรที่ ๖
อธิกรณสูตร
[๘๗] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงปรารภพระกาฬกภิกขุ ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
พระดำรัสนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ก่ออธิกรณ์ ไม่กล่าวสรรเสริญการ
ระงับอธิกรณ์ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ก่ออธิกรณ์ไม่กล่าวสรรเสริญการระงับอธิกรณ์นี้ ย่อมไม่เป็นไป
เพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่องที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ไม่กล่าวสรรเสริญการสมาทานในการ
ศึกษา แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ไม่กล่าวสรรเสริญการสมาทานในการศึกษานี้ ย่อม
ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่ยกย่องที่เสมอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฯ