พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/141/137
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ปรารถนาเป็นอุปราชเล่าเราแลเป็นผู้เฉียบแหลม ฉลาด มีปัญญา สามารถคิดเหตุการณ์ทั้งอดีต
อนาคตและปัจจุบัน ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาเป็นอุปราชเล่า ดูกรภิกษุทั้งหลายพระราชโอรสองค์
ใหญ่ของพระราชาผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ประกอบด้วยองค์๕ ประการนี้แล ย่อมทรงปรารถนา
เป็นอุปราช ฉันใด ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมปรารถนาความสิ้นอาสวะ
ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ๑ เป็นผู้
มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ๑ เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม ฯลฯ ไม่ทอด
ธุระในกุศลธรรม ๑ เป็นผู้มีปัญญา ฯลฯ ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ๑ เธอย่อมคิดอย่างนี้ว่า
เราแลเป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้น
อาสวะเล่า เราแลเป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้น
อาสวะเล่า เราแลเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนาความสิ้น
อาสวะเล่า เราแลเป็นผู้ปรารภความเพียร ฯลฯ ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ไฉนเราจะไม่พึงปรารถนา
ความสิ้นอาสวะเล่า เราแลเป็นผู้มีปัญญา ฯลฯ ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบไฉนเราจะไม่พึง
ปรารถนาความสิ้นอาสวะเล่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อม
ปรารถนาความสิ้นอาสวะ ฯ
จบสูตรที่ ๖
๗. อัปปสุปติสูตร
[๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๕ จำพวกนี้ ย่อมหลับน้อยตื่นมากในราตรี ๕ จำพวก
เป็นไฉน คือ สตรีผู้คิดมุ่งถึงบุรุษ ๑ บุรุษผู้คิดมุ่งถึงสตรี ๑โจรผู้คิดมุ่งลักทรัพย์ ๑ พระราชา
ผู้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณีย์ ๑ ภิกษุผู้คิดมุ่งถึงธรรมที่ปราศจากสังโยชน์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน
๕ จำพวกนี้แล ย่อมหลับน้อยตื่นมากในราตรี ฯ
จบสูตรที่ ๗