พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/139/147 148 149 150
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
[๑๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาล ๔ นี้ อันบุคคลบำเพ็ญโดยชอบ ให้เป็นไปโดยชอบ
ย่อมให้ถึงความสิ้นอาสวะโดยลำดับ กาล ๔ เป็นไฉนคือ การฟังธรรมตามกาล ๑ การสนทนา
ตามกาล ๑ การสงบตามกาล ๑การพิจารณาตามกาล ๑ กาล ๔ นี้แล อันบุคคลบำเพ็ญโดยชอบ
ให้เป็นไปโดยชอบ ย่อมให้ถึงความสิ้นอาสวะโดยลำดับ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อฝนเม็ดใหญ่ตก
บนภูเขา น้ำไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็มซอกเขา ลำธารและห้วยเต็ม
แล้ว ย่อมยังหนองให้เต็ม หนองเต็มแล้วย่อมยังบึงให้เต็ม บึงเต็มแล้ว ย่อมยังแม่น้ำน้อย
ให้เต็ม แม่น้ำน้อยเต็มแล้วย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่เต็มแล้ว ย่อมยังสมุทรสาคร
ให้เต็มแม้ฉันใด กาล ๔ นี้ อันบุคคลบำเพ็ญโดยชอบ ให้เป็นไปโดยชอบย่อมให้ถึงความสิ้น
อาสวะโดยลำดับ ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ
[๑๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วจีทุจริต ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉนคือ พูดเท็จ ๑
พูดส่อเสียด ๑ พูดคำหยาบ ๑ พูดเพ้อเจ้อ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายวจีทุจริต ๔ ประการนี้แล ฯ
[๑๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วจีสุจริต ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ พูดจริง ๑
พูดไม่ส่อเสียด ๑ พูดอ่อนหวาน ๑ พูดด้วยปัญญา ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย วจีสุจริต ๔ ประการ
นี้แล ฯ
[๑๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาระ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สีลสาระ ๑
สมาธิสาระ ๑ ปัญญาสาระ ๑ วิมุตติสาระ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาระ ๔ ประการนี้แล ฯ
จบอาภาวรรคที่ ๕
จบตติยปัณณาสก์
________