พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/136/84
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
วาจางาม เจรจาถ้อยคำไพเราะประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง สละสลวย ไม่หยาบคาย ให้รู้
เนื้อความได้แจ่มแจ้ง ... เป็นผู้มีวาจางาม เจรจาถ้อยคำไพเราะสละสลวย ไม่หยาบคาย ให้รู้
เนื้อความได้แจ่มแจ้ง แต่ไม่เป็นผู้ชี้แจงเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้
อาจหาญ ร่าเริง พระธรรมเทศนาจึงไม่แจ่มแจ้งกะพระตถาคตก่อน ดูกรปุณณิยะ แต่ในกาลใด
ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา เข้าไปหา เข้านั่งใกล้ สอบถามเงี่ยโสตลงฟังธรรม ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้
พิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม มีวาจางาม
เจรจาถ้อยคำไพเราะ สละสลวย ไม่หยาบคายให้รู้เนื้อความได้แจ่มแจ้ง เป็นผู้ชี้แจงเพื่อน
พรหมจรรย์ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญ ร่าเริง ในกาลนั้น พระธรรมเทศนาจึงแจ่มแจ้ง
กะพระตถาคต ดูกรปุณณิยะ พระธรรมเทศนาประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จึงแจ่มแจ้ง
กะพระตถาคตโดยส่วนเดียว ฯ
จบสูตรที่ ๓
พยากรณสูตร
[๘๔] ณ ที่นั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย
ผู้มีอายุ ภิกษุเหล่านั้นกล่าวรับท่านพระมหาโมคคัลลานะแล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้
กล่าวคำนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมพยากรณ์อรหัตตผลว่า เราทราบ
ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็น
อย่างนี้มิได้มี พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน ฉลาดในสมาบัติ ฉลาดในจิตของ
ผู้อื่น ฉลาดในการกำหนดรู้จิตของผู้อื่นย่อมซักถาม สอบถาม ไล่เลียงภิกษุนั้น ภิกษุนั้นอัน
พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาณ ... ไล่เลียงอยู่ ย่อมถึงความเป็นผู้เปล่า ไม่มีคุณ
ไม่เจริญ พินาศ ความไม่เจริญและความพินาศ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผู้ได้ฌาน
ฉลาดในจิตของผู้อื่นฉลาดในการกำหนดรู้จิตของผู้อื่น กำหนดรู้ใจด้วยใจแล้ว กระทำไว้ในใจ
ซึ่งภิกษุนั้นอย่างนี้ว่า เพราะเหตุไรหนอ ท่านผู้นี้จึงพยากรณ์อรหัตตผลว่า เราทราบว่า ชาติสิ้นแล้ว