พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/136/477
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
แม้นรชนใดพึงเป็นเช่นเรา ก็พึงเข้าจำอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘
ประการ สิ้นดิถีที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๘ ของปักษ์และสิ้นปาฏิหาริยปักษ์
ด้วย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คาถานี้แล ท้าวสักกะจอมเทพขับผิด ไม่ถูก ภาษิตไว้ผิด ไม่ถูก
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท้าวสักกะจอมเทพยังเป็นผู้ไม่ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้อรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์เสร็จกิจที่ต้องทำแล้ว ปลงภาระ
ลงแล้ว บรรลุถึงประโยชน์ของตนแล้ว มีสังโยชน์ในภพหมดสิ้นแล้ว พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้
โดยชอบ ควรที่จะกล่าวคาถาว่า
แม้นรชนใดพึงเป็นเช่นเรา ก็พึงเข้าจำอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์ ๘
ประการ สิ้นดิถีที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๘ ของปักษ์และสิ้นปาฏิหาริยปักษ์
ด้วย ฯ
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุนั้นเป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพ เมื่อแนะนำเทวดาชั้นดาวดึงส์ ได้ตรัสคาถาไว้ในเวลานั้นว่า
แม้นรชนใดพึงเป็นเช่นเรา ก็พึงเข้าจำอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์
๘ ประการ สิ้นดิถีที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๘ ของปักษ์และสิ้นปาฏิหาริยปักษ์
ด้วย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คาถานี้นั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพขับผิด ไม่ถูก ภาษิตไว้ผิด
ไม่ถูก ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท้าวสักกะจอมเทพยังเป็นผู้ไม่พ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เรากล่าวว่า ยังไม่พ้นจากทุกข์ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้อรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ เสร็จกิจที่ต้องทำแล้ว ปลงภาระลงแล้ว
บรรลุถึงประโยชน์ของตนแล้ว มีสังโยชน์ในภพหมดสิ้นแล้ว พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้โดยชอบ
ควรที่จะกล่าวคาถาว่า
แม้นรชนใดพึงเป็นเช่นเรา ก็พึงเข้าจำอุโบสถ อันประกอบด้วยองค์
๘ ประการ สิ้นดิถีที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๘ ของปักษ์และสิ้นปาฏิหาริยปักษ์
ด้วย ฯ
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุนั้นเป็นผู้พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาส เรากล่าวว่า พ้นไปจากทุกข์แล้ว ฯ