พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/134/325 326 327 328
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
๘. สมุททสูตรที่ ๒
[๓๒๕] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรพึงถึงการหมดไปสิ้นไป ยังเหลือน้ำอยู่สองสามหยาด เธอทั้งหลาย
จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนน้ำในมหาสมุทรที่หมดไปสิ้นไป กับน้ำสองสามหยาด ที่ยังเหลือ
อยู่ไหนจะมากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น้ำในมหาสมุทรที่หมด
ไปสิ้นไปนี้แหละมากกว่า น้ำสองสามหยาดที่เหลืออยู่มีประมาณน้อย น้ำสองสามหยาดที่เหลือ
อยู่เมื่อเทียบกันเข้ากับน้ำในมหาสมุทรที่หมดไปสิ้นไป ไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐
เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉันใด ฯ
[๓๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯลฯ การได้ธรรมจักษุให้สำเร็จประ
โยชน์ใหญ่อย่างนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๘
๙. ปัพพตูปมสูตรที่ ๑
[๓๒๗] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้ว ... ได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษพึงวางก้อนหินเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเจ็ดก้อนไว้ที่ขุนเขาหิมวันต์ เธอ
ทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก้อนหินเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเจ็ดก้อนที่บุรุษวางไว้ กับ
ขุนเขาหิมวันต์ไหนจะมากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขุนเขา
หิมวันต์นี้แหละมากกว่า ก้อนหินเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเจ็ดก้อนที่บุรุษวางไว้มีประมาณน้อย
ก้อนหินเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดเจ็ดก้อนที่บุรุษวางไว้ เมื่อเทียบเข้ากับขุนเขาหิมวันต์ไม่เข้าถึง
เสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉันใด ฯ
[๓๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯลฯ การได้ธรรมจักษุให้สำเร็จประ
โยชน์ใหญ่อย่างนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๙