พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/134/440 441 442

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 134
นั้นเหมือนกัน อุปธิทั้งหลายนั่นแล เป็นเหตุเศร้าโศกของนรชน เพราะ คนที่ไม่มีอุปธิหาเศร้าโศกไม่ ฯ ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ ปฐมอายุสูตรที่ ๙
[๔๔๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นสถาน ที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตกรุงราชคฤห์ ฯ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดังนี้ ฯ ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายุของมนุษย์ทั้งหลายนี้ น้อยนัก จำต้อง ไปสู่สัมปรายภพ ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ สัตว์ผู้เกิดมาแล้วจะไม่ตายไม่มี ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนที่เป็นอยู่นาน ย่อมเป็นอยู่ได้ เพียงร้อยปี หรือจะอยู่เกินไปได้บ้าง ก็มีน้อย ฯ
[๔๔๑] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กราบ ทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า อายุของมนุษย์ทั้งหลายยืนยาว คนดีไม่ควรดูหมิ่นอายุนั้นเลย ควร ประพฤติดุจเด็กอ่อนที่มุ่งแต่จะกินนม ฉะนั้น การมาแห่งมัจจุไม่มี ฯ
[๔๔๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ ตรัสกะมารผู้มี บาปด้วยพระคาถาว่า อายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย คนดีควรดูหมิ่นอายุนั้นเสีย ควรประพฤติ ดุจคนที่ถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะนั้น การที่จะไม่มาแห่งมัจจุไม่มีเลย ฯ ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต ทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นแล ฯ