พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/133/435 436 437 438 439
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๔๓๕] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับแล้วได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ท่านหลับหรือ ท่านจะหลับเสียทำไมนะ ท่านหลับเป็นตายเทียวหรือนี่
ท่านหลับโดยสำคัญว่า เราได้เรือนว่างเปล่ากระนั้นหรือ เมื่อพระอาทิตย์
ขึ้นโด่งแล้ว ท่านยังจะหลับอยู่หรือนี่ ฯ
[๔๓๖] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ตรัสกะมาร
ผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่า
พระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีตัณหาดุจข่าย ซึ่งแส่ไปในอารมณ์ต่างๆสำหรับจะ
นำไปสู่ภพไหนๆ ย่อมบรรทมหลับ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งอุปธิ
ทั้งปวง กงการอะไรของท่านในเรื่องนี้เล่ามารเอ๋ย ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา
พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ
นันทนสูตรที่ ๘
[๔๓๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
[๔๓๘] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กล่าว
คาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
คนมีบุตร ย่อมเพลิดเพลินเพราะบุตร คนมีโคก็ย่อมเพลิดเพลินเพราะ
โค ฉันนั้นเหมือนกัน อุปธิทั้งหลายนั่นแลเป็นเครื่องเพลิดเพลินของ
นรชน เพราะคนที่ไม่มีอุปธิหาเพลิดเพลินไม่ ฯ
[๔๓๙] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป จึงได้ ตรัสกะมารผู้มี
บาปด้วยพระคาถาว่า
คนมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร คนมีโคก็ย่อมเศร้าโศกเพราะโค ฉัน