พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/126/98

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เล่ม 23
หน้า 126
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นความดีแล้วที่ภิกษุควรครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นความดี แล้วที่ภิกษุควรครอบงำย่ำยีความเสื่อมลาภ ... ยศ ... ความเสื่อมยศ ... สักการะ ... ความเสื่อมสักการะ ... ความเป็นผู้ปรารถนาลามก ... ความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัย อำนาจประโยชน์อะไรจึงควรครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ ภิกษุอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร จึงควรครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าเมื่อภิกษุไม่ครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้น แล้ว อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อน พึงเกิดขึ้น เมื่อภิกษุครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อนเหล่านั้นย่อมไม่เกิด ... เพราะว่าเมื่อภิกษุไม่ครอบงำ ย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อนพึงเกิดขึ้น เมื่อ ภิกษุครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว อาสวะที่ทำให้เกิดความคับแค้นเดือดร้อนเหล่า นั้น ย่อมไม่เกิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล จึงควรครอบงำย่ำยีลาภ ที่เกิดขึ้นแล้ว ... จึงควรครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะ เหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักครอบงำย่ำยีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ... จัก ครอบงำย่ำยีความเป็นผู้มีมิตรชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๗ อุตตรสูตร
[๙๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระอุตตระอยู่ที่วิหารชื่อว่า วัฏฏชาลิกา ใกล้ภูเขาสังเขยยกะ ณ มหิสพัสดุชนบท ณ ที่นั้นแล ท่านพระอุตตระกล่าวกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้ง หลาย เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นความวิบัติของตนโดยกาลอันควร ดูกรท่านผู้มีอายุ ทั้งหลาย เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นความวิบัติของคนอื่นโดยกาลอันควร ดูกรท่านผู้ มีอายุทั้งหลาย เป็นความดีแล้ว ที่ภิกษุพิจารณาเห็นสมบัติของตนโดยกาลอันควร ดูกรท่านผู้ มีอายุทั้งหลาย เป็นความดีแล้วที่ภิกษุพิจารณาเห็นสมบัติของผู้อื่นโดยกาลอันควร ฯ ก็สมัยนั้นแล ท้าวเวสสวัณมหาราชออกจากทิศเหนือผ่านไปทางทิศใต้ด้วยกรณียกิจบาง อย่าง ได้สดับคำที่ท่านพระอุตตระแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายในวัฏฏชาลิกาวิหาร ใกล้ภูเขา