พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/12/14      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            ทุกข์ใจและความคับแค้นใจ  จึงเกิดขึ้นได้แก่เขา  เพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้
ร่าเริงอยู่กับชายอื่น  ฯ
	พ.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ต่อมาชายคนนั้นมีความดำริอย่างนี้ว่า  เรากำหนัดนักแล้ว  มี
จิตปฏิพัทธ์  พอใจอย่างแรงกล้า  มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิงคนโน้น  ความโศก  ความรำพัน
ความทุกข์กาย  ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ  จึงเกิดขึ้นแก่เราได้  เพราะเห็นหญิงคน
โน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้  ร่าเริงอยู่กับชายอื่น  อย่ากระนั้นเลย  เราพึงละความกำหนัดพอใจใน
หญิงคนโน้นที่เรามีนั้นเสียเถิด  เขาจึงละความกำหนัดพอใจในหญิงคนโน้นนั้นเสีย  สมัยต่อมา
เขาเห็นหญิงคนนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น  ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจะ
สำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน  ความโศก  ความรำพัน  ความทุกข์กาย  ความทุกข์ใจ  และความคับ
แค้นใจ  จะพึงเกิดขึ้นแก่ชายนั้น  เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชาย
อื่นบ้างหรือไม่  ฯ
	ภิ.  ข้อนั้นหามิได้  พระพุทธเจ้าข้า  ฯ
	พ.  ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร  ฯ
	ภิ.  พระพุทธเจ้าข้า  เพราะชายคนโน้น  คลายกำหนัดในหญิงคนโน้น  แล้ว  ฉะนั้น
 ความโศก  ความรำพัน  ความทุกข์กาย  ความทุกข์ใจ  และความ  คับแค้นใจ  จึงไม่เกิดขึ้นแก่เขา
เพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดกระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่  กับชายอื่น  ฯ
 [๑๔]  พ.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ฉันนั้นเหมือนกันแล  ภิกษุไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่
มีทุกข์ทับถม  ๑  ไม่สละความสุขที่เกิดขึ้นโดยธรรม  ๑  ไม่เป็นผู้หมกมุ่นในความสุขนั้น  ๑  เธอ
ย่อมทราบชัดอย่างนี้ว่า  ถึงเรานี้จะยังมีเหตุ  แห่งทุกข์  เมื่อเริ่มตั้งความเพียร  วิราคะย่อมมีได้เพราะ
การตั้งความเพียร  อนึ่งถึงเรานี้จะยังมีเหตุแห่งทุกข์  เมื่อวางเฉย  บำเพ็ญอุเบกขาอยู่  วิราคะก็
ย่อมมีได้  เธอจึงเริ่มตั้งความเพียร  ในทำนองที่ภิกษุยังมีเหตุแห่งทุกข์  เริ่มตั้งความเพียร  ย่อม
มีวิราคะ  เพราะการเริ่มตั้งความเพียร  และบำเพ็ญอุเบกขา  ในทำนองที่ภิกษุยังมีเหตุแห่งทุกข์
วางเฉย  บำเพ็ญอุเบกขาอยู่  ย่อมมีวิราคะ  เมื่อเธอนั้นยังมีเหตุแห่งทุกข์  เริ่มตั้งความเพียร