พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/118/397 398

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 118

[๓๙๗] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วคงสว่างต่อไป ดูกร มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเกิดมาภายหลังในตระกูลสูง คือในตระกูลขัตติย มหาศาล ในตระกูลพราหมณมหาศาล หรือในตระกูลคฤหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก มีทองและเงินล้น เหลือ มีของใช้น่าปลื้มใจล้นเหลือ มีทรัพย์คือข้าวเปลือก ล้นเหลือ และเขาเป็น คนมีรูปสวย น่าดูน่าชม ประกอบด้วยความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม มักหา ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัยและเครื่อง ประทีป ได้สะดวก เขาย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติ สุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกร มหาบพิตร บุรุษพึงก้าวไปด้วยดีจาก บัลลังก์สู่บัลลังก์ หรือพึงก้าวไปด้วยดีจากหลัง ม้าสู่หลังม้า หรือพึงก้าวไปด้วยดีจากคอช้างสู่ คอช้าง หรือพึงก้าวไปด้วยดีจาก ปราสาทสู่ปราสาท แม้ฉันใด ดูกรมหาบพิตร ตถาคตย่อม กล่าวว่า บุคคลนี้มี อุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วคง สว่างต่อไป ดูกรมหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้ ฯ
[๓๙๘] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้ จบลงแล้ว จึงได้ ตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า ดูกรมหาบพิตร บุรุษเข็ญใจไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อย่อมด่า ย่อมบริภาษ สมณะหรือพราหมณ์หรือวณิพกอื่นๆเขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็น คนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ ดูกร มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป ย่อม เข้าถึงนรกอันร้ายแรง นี่ชื่อว่าผู้มืดแล้วคงมืดต่อไป ฯ ดูกรมหาบพิตร บุรุษ (บางคน) เป็นคนเข็ญใจ (แต่) เป็นคนมีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ เขามีความดำริประเสริฐ มีใจไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ ย่อมสำเหนียกใน จรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้ามคนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ ดูกร มหาบพิตรผู้เป็นใหญ่ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป ย่อม เข้าถึงไตรทิพสถาน นี่ชื่อว่าผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไป ฯ