พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/117/395 396
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
หรือพึง ไปจากโลหิตอันมีมลทินสู่โลหิตอันมีมลทิน ฉันใด ดูกรมหาบพิตร ตถาคตกล่าวว่า
บุคคลนี้ มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้วคงมืดต่อไป ฯ
[๓๙๕] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไป ดูกร
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเกิดมาภายหลังในตระกูล อันต่ำทราม คือในตระกูล
จัณฑาล ในตระกูลช่างจักสาน ในตระกูลพราน ใน ตระกูลช่างรถ หรือในตระกูลคนเทหยากเยื่อ
ขัดสน มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย มีอาชีพฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก
และเขาเป็นคนมีผิวพรรณทราม ไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ เป็นคนมีอาพาธมาก เป็น
คนเสียจักษุ เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือเป็นคนเปลี้ย มักหาข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน
ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่อง ประทีปไม่ใคร่ได้ แม้กระนั้น
เขาก็ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขา ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตาย
ไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรมหาบพิตร บุรุษพึงขึ้นจากแผ่นดินสู่บัลลังก์ หรือพึงขึ้น
จากบัลลังก์สู่หลังม้า หรือพึงขึ้นจากหลังม้าสู่คอช้าง หรือพึงขึ้นจากคอช้างสู่ปราสาท แม้ฉันใด
ดูกรมหาบพิตร ตถาคตย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้ แล บุคคล
ชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไป ฯ
[๓๙๖] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วกลับมืด ต่อไป ดูกร
มหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดมาภายหลังในตระกูลสูง คือในตระกูลขัตติยมหาศาล
หรือในตระกูลคฤหบดี มหาศาล มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก มีทองและเงินล้นเหลือ
มีของ ใช้น่าปลื้มใจล้นเหลือ มีทรัพย์คือข้าวเปลือกล้นเหลือ และเขาเป็นคนมีรูปงามน่าดูน่าชม
ประกอบด้วยความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม มักหาข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม
เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องประทีปได้สะดวก แต่เขากลับประพฤติทุจริตด้วย
กาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย
ทุคติ วินิบาต นรก ดูกรมหาบพิตร บุรุษลงจากปราสาทสู่คอช้าง หรือลงจากคอช้างสู่หลังม้า
หรือลงจากหลังม้าสู่บัลลังก์ หรือลงจากบัลลังก์สู่พื้นดิน หรือจากพื้นดินเข้าไปสู่ที่มืด แม้ฉันใด
ดูกรมหาบพิตร ตถาคตกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล บุคคล
ชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วกลับมืดต่อไป ฯ