พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/116/114
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้แม้เห็นปานนี้ก็มี นี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๓ มี
ปรากฏอยู่ในโลก ฯ
อีกประการหนึ่ง บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ ไม่ได้ฟังว่าในบ้านหรือในนิคม
โน้น มีหญิงหรือชายถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา และไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือ
ทำกาลกิริยาเอง ทั้งญาติหรือสาโลหิตของเขาก็ไม่ถึงทุกข์ หรือทำกาลกิริยา แต่เขาเองทีเดียว อัน
ทุกขเวทนาเป็นไปทางสรีระกล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบจะนำชีวิตไปเสีย ถูก
ต้องแล้วเขาจึงสลด ถึงความสังเวชเพราะเหตุนั้น เป็นผู้สลดแล้วเริ่มตั้งความเพียรไว้โดยแยบคาย
มีใจเด็ดเดี่ยว ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา
ม้าอาชาไนยตัวเจริญถูกแทงด้วยปะฏักถึงกระดูก จึงสลดถึงความสังเวช แม้ฉันใด เรากล่าว
บุรุษอาชาไนยผู้เจริญนี้เปรียบฉันนั้นดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในโลกนี้ แม้
เห็นปานนี้ก็มีนี้เป็นบุรุษอาชาไนยผู้เจริญที่ ๔ มีปรากฏอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษอาชาไนย
ผู้เจริญ ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
จบสูตรที่ ๓
นาคสูตร
[๑๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างตัวประเสริฐของพระราชา ประกอบด้วยองค์ ๔ ย่อม
เป็นช้างควรแก่พระราชา เป็นช้างต้น ย่อมถึงการนับว่าเป็นราชพาหนะ องค์ ๔ เป็นไฉน คือ ช้าง
ตัวประเสริฐของพระราชา ในโลกนี้ เป็นสัตว์สำเหนียก ๑ กำจัดได้ ๑ อดทน ๑ ไปได้เร็ว ๑ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างตัวประเสริฐของพระราชาเป็นสัตว์สำเหนียกอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ช้าง
ตัวประเสริฐของพระราชา ในโลกนี้ ย่อมเอาใจใส่มนสิการถึงเหตุการณ์ที่นายควาญช้างจะให้กระทำ
ที่ตนเคยทำก็ตาม ไม่เคยทำก็ตาม ประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ด้วยใจ คอยเงี่ยโสตสดับอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างตัวประเสริฐของพระราชา เป็นสัตว์สำเหนียกอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ช้างตัวประเสริฐของพระราชา เป็นสัตว์กำจัดได้อย่างไร ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ช้างตัวประเสริฐของพระราชา ในโลกนี้ เข้าสู่สงครามแล้ว ย่อมกำจัดช้างบ้าง พลช้าง
บ้าง ม้าบ้าง พลม้าบ้าง รถบ้าง พลรถบ้างพลเดินเท้าบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช้างตัวประเสริฐของ
พระราชาเป็นสัตว์กำจัดได้อย่างนี้แล ฯ