พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/116/393 394

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 116
ตติยวรรคที่ ๓ ปุคคลสูตรที่ ๑
[๓๙๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ ประทับ ครั้นแล้ว ทรงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ประทับนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท้าวเธอผู้ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูกรมหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๔ จำพวกเป็นไฉน บุคคล ๔ จำพวกคือ บุคคล ผู้มืดแล้วมืดต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้มืดแล้วกลับ สว่างต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้สว่างแล้วกลับมืด ต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้สว่างแล้ว คงสว่างต่อไปจำพวก ๑ ฯ
[๓๙๔] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่ามืดแล้วคงมืดต่อไป ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลอันต่ำ คือในตระกูลจัณฑาล ในตระกูลช่าง จักสาน ในตระกูลพราน ในตระกูลช่างรถ หรือ ในตระกูลคนเทหยากเยื่อ ซึ่งขัดสน มีข้าวน้ำ โภชนาหารน้อย มีอาชีพฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก และเขาเป็นคน ที่มีผิวพรรณทรามไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ มีอาพาธมาก เป็นคนเสียจักษุ เป็นง่อย เป็น คนกระจอกหรือเป็นเปลี้ย มักหาข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องประทีปไม่ใคร่ได้ เขาซ้ำประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขา ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูกร มหาบพิตร บุรุษพึงไป จากความมืดทึบสู่ความมืดทึบ หรือพึงไปจากความมืดมัวสู่ความมืดมัว