พระสุตตันตปิฎกไทย: 17/115/213 214 215
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. เธอย่อมเห็นว่า สัตว์บุคคลในสังขารหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. เธอย่อมเห็นว่า สัตว์บุคคลอื่นจากสังขารหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. เธอย่อมเห็นว่า สัตว์บุคคลในวิญญาณหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. เธอย่อมเห็นว่า สัตว์บุคคลอื่นจากวิญญาณหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
[๒๑๓] พ. ดูกรอนุราธะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอย่อมเห็นว่า สัตว์
บุคคลมีรูป มีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร มีวิญญาณ อย่างนั้นหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
[๒๑๔] พ. ดูกรอนุราธะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอย่อมเห็นว่า สัตว์
บุคคลนี้ไม่มีรูป ไม่มีเวทนา ไม่มีสัญญา ไม่มีสังขาร ไม่มีวิญญาณ อย่างนั้นหรือ?
อ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. ดูกรอนุราธะ ก็โดยที่จริง โดยที่แท้ เธอค้นหาสัตว์บุคคลในขันธ์ ๕ เหล่านี้ใน
ปัจจุบันไม่ได้เลย ควรแลหรือที่เธอจะพยากรณ์ว่า พระตถาคตเป็นอุดมบุรุษ เป็นยอดบุรุษ ถึง
ความบรรลุชั้นเยี่ยม เมื่อจะบัญญัติ ย่อมบัญญัติเว้นจากฐานะ ๔ เหล่านี้ คือ สัตว์เบื้องหน้าแต่
ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก ๑ ย่อมไม่เกิดอีก ๑ ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มี ๑ ย่อมเกิดอีก
ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ ๑?
อ. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระเจ้าข้า.
พ. ถูกละๆ อนุราธะ ทั้งเมื่อก่อนและทั้งบัดนี้ เราย่อมบัญญัติทุกข์ และความดับทุกข์
จบ สูตรที่ ๔.
๕. วักกลิสูตร
ว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า
[๒๑๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน
ใกล้พระนครราชคฤห์. สมัยนั้นแล ท่านพระวักกลิอาพาธ มีทุกข์ เป็นไข้หนัก ได้รับทุกข-