พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/113/388 389
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เป็น เช่นนี้ โภคะที่มิได้บริโภคโดยชอบของเขาเหล่านั้น ย่อมถึงความหมดสิ้นไป เปล่าโดยไม่ถึง
การบริโภค ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
[๓๘๘] ดูกรมหาบพิตร ส่วนสัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้ว ย่อมยัง ตนให้ได้รับ
ความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อมยังมารดาและบิดาให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ
ย่อมยังบุตรและภรรยาให้ได้รับความสุข ให้ได้รับ ความอิ่มหนำ ย่อมยังทาสกรรมกรให้ได้รับ
ความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ย่อม ยังมิตรและอำมาตย์ให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ
ย่อมประดิษฐานไว้ซึ่งทักษิณาอันมีผลในเบื้องบน มีอารมณ์ดี มีวิบากเป็นสุข เป็นไปเพื่อสวรรค์
ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย โภคะเหล่านั้นของเขา ที่บริโภคโดยชอบอยู่อย่างนี้ พระราชาทั้งหลาย
ย่อมนำไปไม่ได้ โจรทั้งหลายย่อมนำไปไม่ได้ ไฟย่อมไม่ไหม้ น้ำย่อมไม่พัดไป ทายาททั้งหลาย
ผู้ไม่เป็นที่รักย่อมนำไปไม่ได้ ฯ
ดูกรมหาบพิตร เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่บริโภคอยู่โดยชอบของเขาเหล่า นั้น ย่อมถึงการ
บริโภค ไม่ถึงความหมดสิ้นไปเปล่า ฯ
ดูกรมหาบพิตร ในที่ไม่ไกลคามหรือนิคม มีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้ำใส มีน้ำเย็น มีน้ำ
จืดสนิท ใสตลอด มีท่าดี น่ารื่นรมย์ น้ำนั้นคนพึงตักไปบ้างพึงดื่มบ้าง พึงอาบบ้าง พึงกระทำ
ตามความต้องการบ้าง ดูกรมหาบพิตร ก็เมื่อ เป็นเช่นนี้ น้ำที่บริโภคอยู่โดยชอบนั้น พึงถึงการ
บริโภค ไม่ถึงความหมดสิ้นไป เปล่า แม้ฉันใด ดูกรมหาบพิตร สัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้ว
ย่อมยังตนให้ ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำ ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่บริโภคอยู่ โดย
ชอบของเขาเหล่านั้น ย่อมถึงการบริโภค ไม่ถึงความหมดสิ้นไปเปล่า ฉัน นั้นเหมือนกัน ฯ
[๓๘๙] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้ จบลงแล้ว จึงได้
ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
น้ำมีอยู่ในที่ของอมนุษย์ คนย่อมงดน้ำที่ไม่พึงดื่มนั้น ฉันใด คนชั่วได้
ทรัพย์แล้ว ย่อมไม่บริโภคด้วยตนเอง ย่อมไม่ให้ทาน ฉันนั้น ส่วน
วิญญูชนผู้มีปัญญา ได้โภคะแล้ว เขาย่อมบริโภค และทำกิจ เขาเป็น
คนอาจหาญ เลี้ยงดูหมู่ ญาติ ไม่ถูกติเตียน ย่อมเข้าถึงแดนสวรรค์ ฯ