พระสุตตันตปิฎกไทย: 16/109/263 264

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
เล่ม 16
หน้า 109
ละตัณหาได้แล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดละตัณหาเสียได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อ ว่าละอุปธิได้แล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดละอุปธิเสียได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่า ละทุกข์ได้แล้วสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดละทุกข์เสียได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่า พ้นแล้วจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสเรากล่าวว่า สมณะ หรือพราหมณ์เหล่านั้นพ้นแล้วจากทุกข์ ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เหล่าหนึ่งในอนาคตกาล ฯลฯ ในปัจจุบันกาล ย่อมเห็นอารมณ์อันเป็นที่รักเป็นที่ชื่นใจในโลกนั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นสภาพมิใช่ตัวตน โดยความเป็นโรค โดยความเป็นภัย สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าย่อมละตัณหาได้ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใด ย่อมละตัณหาได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าย่อมละอุปธิได้ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดย่อมละอุปธิได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าย่อมละทุกข์ได้ สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าใดย่อมละทุกข์ได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าย่อมพ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่า สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นย่อมพ้นจากทุกข์ ได้ ดังนี้ ฯ จบสูตรที่ ๖ ๗. สัมมสสูตรที่ ๒
[๒๖๓] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะ อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤค ทายวัน เขตพระนครพาราณสี ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น ท่านพระมหาโกฏฐิตะออกจากที่พักผ่อน เข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก ถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๒๖๔] ท่านพระมหาโกฏฐิตะนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กล่าวคำนี้กะท่านพระสารีบุตรว่า ท่านสารีบุตร ชราและมรณะ ตนทำเอง ผู้อื่นทำให้ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ หรือว่า ชรา และมรณะบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเองผู้อื่นไม่ได้ทำให้ ฯ ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ท่านโกฏฐิตะ ชราและมรณะ ตนทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นทำให้ ก็ไม่ใช่ ทั้งตนทำเองทั้งผู้อื่นทำให้ก็ไม่ใช่ บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้ทำเอง ผู้อื่นไม่ได้ทำให้ ก็ไม่ใช่ แต่ว่าเพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ ฯ