พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/100/106 107 108
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
หายไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงโต้ตอบมนุษย์ทั้งหลายผู้ที่เห็นภิกษุทั้งหลาย
แล้ว ด่า บริภาษ ขึ้งเคียด เบียดเบียนด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษด้วยคาถานี้ว่า
คนที่พูดไม่จริง หรือคนที่ทำบาปกรรมแล้วพูดว่า มิได้ทำย่อมเข้าถึง
นรก คนแม้ทั้งสองพวกนั้น มีกรรมเลวทรามละไปแล้ว ย่อมเป็นผู้
เสมอกันในโลกหน้า ฯ
[๑๐๖] ลำดับนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นเล่าเรียนคาถานี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคแล้ว
ย่อมโต้ตอบพวกมนุษย์ผู้ที่เห็นภิกษุทั้งหลายแล้วด่า บริภาษ ขึ้งเคียดเบียดเบียนด้วยวาจาอันหยาบ
คาย มิใช่ของสัตบุรุษ ด้วยคาถานี้ว่า
คนที่พูดไม่จริง หรือคนที่กระทำบาปกรรม แล้วพูดว่า มิได้ทำ ย่อมเข้า
ถึงนรก คนแม้ทั้งสองพวกนั้นมีกรรมเลวทรามละไปแล้ว ย่อมเป็นผู้
เสมอกันในโลกหน้า ฯ
[๑๐๗] มนุษย์ทั้งหลายพากันดำริว่า สมณศากยบุตรเหล่านี้ไม่ได้ทำความผิด สมณศากย
บุตรเหล่านี้ไม่ได้ทำบาป เสียงนั้นมีอยู่ไม่นานนัก ได้มีอยู่๗ วันเท่านั้น ล่วง ๗ วันแล้วก็หาย
ไป ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมากพากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว
นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสียงนั่นจักมีอยู่ไม่นาน ล่วง ๗ วันแล้วก็จักหายไป เสียงนั้นหายไปแล้วเพียงนั้น พระเจ้าข้า ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลา
นั้นว่า
ชนทั้งหลายผู้ไม่สำรวมแล้ว ย่อมทิ่มแทงชนเหล่าอื่นด้วยวาจาเหมือน
เหล่าทหารที่เป็นข้าศึกทิ่มแทงกุญชร ผู้เข้าสงครามด้วยลูกศรฉะนั้น
ภิกษุผู้มีจิตไม่ประทุษร้าย ฟังคำอันหยาบคายที่ชนทั้งหลายเปล่งขึ้นแล้ว
พึงอดกลั้น ฯ
จบสูตรที่ ๘
๙. อุปเสนวังคันตปุตตสูตร
[๑๐๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้