พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/10/38 39 40 41 42 43      
      สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
      
     
 
    
        
          
            ยั้งวิตกในใจไว้ได้ เหมือนเต่าหดอวัยวะทั้งหลายไว้ในกระดองของตน
อันตัณหานิสัยและ  ทิฐินิสัยไม่พัวพันแล้ว ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น
ปรินิพพาน     แล้ว ไม่พึงติเตียนใคร ฯ
		        หิริสูตรที่ ๘
 [๓๘] บุรุษที่เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ ได้มีอยู่น้อยคนในโลก ภิกษุใด
บรรเทาความหลับเหมือนม้าดีหลบแซ่ ภิกษุนั้นมีอยู่น้อยรูปในโลก ฯ
 [๓๙] ขีณาสวภิกษุพวกใด เป็นผู้เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริมีสติประพฤติอยู่
ในกาลทั้งปวง ขีณาสวภิกษุพวกนั้นมีน้อย  ขีณาสวภิกษุทั้งหลาย
บรรลุนิพพานเป็นส่วนสุดแห่งทุกข์แล้ว เมื่อสัตตนิกายประพฤติไม่
เรียบร้อย ย่อมประพฤติเรียบร้อย ฯ
		       กุฏิกาสูตรที่ ๙
 [๔๐] (เทวดากล่าวว่า)
กระท่อมของท่านไม่มีหรือ รังของท่านไม่มีหรือ เครื่องสืบต่อของท่าน
ไม่มีหรือ ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูกหรือ ฯ
 [๔๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
แน่ละ กระท่อมของเราไม่มี แน่ละ รังของเราไม่มี แน่ละเครื่อง
สืบต่อของเราไม่มี แน่ละ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูก ฯ
 [๔๒] ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่า อะไรเป็นกระท่อม ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไร
เป็นรัง ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไรเป็นเครื่องสืบต่อ ข้าพเจ้ากล่าวแก่
ท่านว่าอะไรเป็นเครื่องผูก ฯ
 [๔๓] ท่านกล่าวมารดาว่าเป็นกระท่อม ท่านกล่าวภรรยาว่าเป็นรัง   ท่านกล่าว
บุตรว่าเป็นเครื่องสืบต่อ ท่านกล่าวตัณหาว่าเป็น  เครื่องผูกแก่เรา ฯ
         ดีจริง กระท่อมของท่านไม่มี ดีจริง รังของท่านไม่มี ดีจริง    เครื่อง
สืบต่อของท่านไม่มี ดีจริง ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจาก      เครื่องผูก ฯ