สุตันตปิฎกไทย

จตุกฺก. อํ. 21/18/12. เล่ม 21, หน้า 13, ข้อ 12

- หน้า 13 -

และภิกษุไม่ยินดีละ บรรเทา กระทำให้พินาศซึ่งวิตกนั้น ให้ถึงความไม่มี ภิกษุแม้นอนตื่นอยู่ เป็นอย่างนี้ เราเรียกว่า ผู้มีความเพียร มีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดร มีใจเด็ดเดี่ยว ฯ ถ้าภิกษุใด เดินก็ตาม ยืนก็ตาม นั่งหรือนอนก็ตาม ย่อม ตรึกถึงวิตกอันลามกอิงอาศัยกิเลส ภิกษุผู้เช่นนั้น เป็นผู้ ดำเนินไปสู่ทางผิด หมกมุ่นแล้วในอารมณ์ อันยังความ ลุ่มหลงให้เกิด เป็นผู้ไม่ควรเพื่อบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม แต่ถ้าภิกษุใดเดินก็ตาม ยืนก็ตาม นั่งหรือนอนก็ตาม ยังวิตก ให้สงบแล้ว ยินดีในธรรม เป็นที่สงบวิตก ภิกษุเช่นนั้น เป็นผู้ควรเพื่อบรรลุซึ่งสัมโพธิญาณอันอุดม ฯ จบสูตรที่ ๑ ศีลสูตร

[๑๒]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์ จงเป็นผู้สำรวมในปาติโมกขสังวร สมบูรณ์ด้วยอาจาระและโคจรมีปรกติเห็นภัยในโทษอันมีประมาณ น้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายเมื่อเธอทั้งหลายมีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์ สำรวมในปาติโมกข์สังวรสมบูรณ์ด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษอันมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย กิจที่ควรทำยิ่งกว่านี้ จะพึงมีอะไรเล่า ถ้าแม้ภิกษุกำลังเดินไป อภิชฌาไปปราศแล้ว พยาบาทไปปราศแล้ว ละถีนมิทธะได้แล้วละอุทธัจจกุกกุจจะได้แล้ว ละวิจิ กิจฉาได้แล้ว ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อนมีสติมั่นไม่หลงลืม มีกายสงบไม่ระส่ำระสาย มีจิตมั่นคง มีอารมณ์เป็นหนึ่งภิกษุแม้เดินอยู่เป็นอย่างนี้ เราเรียกว่า ผู้มีความเพียร มีโอตตัปปะ มีความ เพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดร มีใจเด็ดเดี่ยว ถ้าแม้ภิกษุยืนอยู่ ... ถ้าแม้ภิกษุนั่งอยู่ ... ถ้าแม้ ภิกษุนอนตื่นอยู่ อภิชฌาไปปราศแล้ว พยาบาทไปปราศแล้วละถีนมิทธะได้แล้ว ละอุทธัจจกุก กุจจะได้แล้ว ละวิจิกิจฉาได้แล้ว ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน มีสติมั่นไม่หลงลืม มีกายสงบ ไม่ระส่ำระสาย มีจิตมั่นคงมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ภิกษุแม้นอนตื่นอยู่เป็นอย่างนี้ เราเรียกว่า ผู้มีความ เพียรมีโอตตัปปะ มีความเพียรอันปรารภแล้วเป็นนิจนิรันดร มีใจเด็ดเดี่ยว ฯ
สุตันตปิฎกไทย: - จตุกฺก. อํ. 21/18/12.