สุตันตปิฎกไทย

ปญจก.อํ. 22/189/144. เล่ม 22, หน้า 152 - 153, ข้อ 144

- หน้า 152 -

พระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงเอ็นดู เสด็จเข้าไปสู่สารันททเจดีย์เถิด พระผู้มีพระภาคทรง รับโดยดุษณีภาพ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้เสด็จเข้าไปยังสารันททเจดีย์ แล้วประทับนั่งบน อาสนะที่ตบแต่งไว้ ครั้นแล้วได้ตรัสถามเจ้าลิจฉวีเหล่านั้นว่า ดูกรเจ้าลิจฉวีทั้งหลาย บัดนี้ ท่าน ทั้งหลายประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร การสนทนาอะไรของท่านทั้งหลายยังค้างอยู่ในระหว่าง เจ้าลิจฉวีเหล่านั้นได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายนั่งประชุมกันอยู่ ณ ที่นี้ ได้มีการสนทนากันว่า ความปรากฏแห่งแก้ว ๕ ประการเป็นของหาได้ยากในโลก แก้ว ๕ ประการเป็นไฉน คือ ความปรากฏแห่งช้างแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งม้าแก้ว ๑ ความปรากฏ แห่งแก้วมณี ๑ ความปรากฏแห่งนางแก้ว ๑ ความปรากฏแห่งคฤหบดีแก้ว ๑ ความปรากฏแห่ง แก้ว ๕ประการนี้ เป็นของหาได้ยากในโลก ฯ พ. ดูกรเจ้าลิจฉวีทั้งหลาย ท่านทั้งหลายเป็นผู้มุ่งไปในกาม จึงได้มีการสนทนากัน ปรารภเฉพาะกาม ดูกรเจ้าลิจฉวีทั้งหลาย ความปรากฏแห่งแก้ว ๕ประการเป็นของหาได้ยาก แก้ว ๕ ประการเป็นไฉน คือ ความปรากฏแห่งตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ บุคคล ผู้แสดงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ๑บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ๑ บุคคล ผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ซึ่งผู้อื่นแสดงให้ฟังแล้วปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ๑ กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑ ดูกรเจ้าลิจฉวีทั้งหลาย ความปรากฏแห่งแก้ว ๕ ประการนี้แล เป็นของ หาได้ยากในโลก ฯ จบสูตรที่ ๓ ๔. ติกัณฑกีสูตร

[๑๔๔]
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าติกัณฑกีวัน ใกล้เมืองสาเกต ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้ มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายขอภิกษุพึงเป็นผู้มีความสำคัญใน สิ่งอันไม่เป็นปฏิกูล ว่าเป็นสิ่งปฏิกูล อยู่ตลอดกาล ขอภิกษุพึงเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งอันเป็น ปฏิกูลว่า ไม่เป็นปฏิกูลอยู่ตลอดกาล ขอภิกษุพึงเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูล และสิ่งอัน เป็นปฏิกูลว่าเป็นปฏิกูลอยู่ตลอดกาล ขอภิกษุพึงเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งอันเป็นปฏิกูล และ

- หน้า 153 -

สิ่งอันไม่เป็นปฏิกูลว่าเป็นสิ่งไม่ปฏิกูลอยู่ตลอดกาล ขอภิกษุพึงเว้นสิ่งทั้งสอง คือสิ่งไม่ปฏิกูล และสิ่งปฏิกูลแล้ว เป็นผู้มีความวางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดกาล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญ ในสิ่งไม่ปฏิกูล ว่าเป็นสิ่งปฏิกูล เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้ว่าความกำหนัดในธรรมอัน เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดอย่าเกิดขึ้นแก่เรา ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูลว่าเป็น สิ่งปฏิกูลอยู่ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไรภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลว่าเป็น สิ่งไม่ปฏิกูล เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้ว่า ความขัดเคืองในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความ ขัดเคืองอย่าเกิดขึ้นแก่เรา ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลว่าเป็นสิ่งไม่ปฏิกูลอยู่ เพราะ อาศัยอำนาจประโยชน์อะไร ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูล และสิ่งปฏิกูลว่าเป็น สิ่งไม่ปฏิกูลอยู่ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้ว่า ความกำหนัดในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความ กำหนัด อย่าเกิดขึ้นแก่เรา ความขัดเคืองในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง อย่าเกิดขึ้นแก่ เรา ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูลและสิ่งปฏิกูล ว่าเป็นสิ่งปฏิกูลอยู่ เพราะ อาศัยอำนาจประโยชน์อะไร ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งปฏิกูล และสิ่งไม่ปฏิกูล ว่าเป็น สิ่งไม่ปฏิกูลอยู่เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้ว่า ความขัดเคืองในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความ ขัดเคืองอย่าเกิดขึ้นแก่เรา ความกำหนัดในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดอย่าเกิดขึ้นแก่เรา ภิกษุจึงควรเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลและสิ่งไม่ปฏิกูลว่า เป็นสิ่งไม่ปฏิกูลอยู่ เพราะอาศัย อำนาจประโยชน์อะไร ภิกษุจึงควรเว้นสิ่งทั้งสอง คือสิ่งไม่ปฏิกูลและสิ่งปฏิกูลแล้ว เป็นผู้มีความ วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้ว่า ความกำหนัดในธรรมอันเป็นที่ ตั้งแห่งความกำหนัดในอารมณ์ไหนๆ ในส่วนไหนๆ แม้มีประมาณน้อย อย่าเกิดขึ้นแก่เรา ความขัดเคืองในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคืองในอารมณ์ไหนๆ ในส่วนไหนๆแม้มีประมาณ น้อย อย่าเกิดขึ้นแก่เรา ความหลงในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความหลงในอารมณ์ไหนๆ ในส่วน ไหนๆ แม้มีประมาณน้อย อย่าเกิดขึ้นแก่เรา ภิกษุจึงควรเป็นผู้เว้นสิ่งทั้งสอง คือ สิ่งไม่ปฏิกูล และสิ่งปฏิกูลแล้ว เป็นผู้มีความวางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่ ฯ จบสูตรที่ ๔
สุตันตปิฎกไทย: - ปญจก.อํ. 22/189/144.