- หน้า 57 - 
	      ๖.  อาเนญชสัปปายสูตร  (๑๐๖)
	
[๘๐]  ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
	สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่นิคมชื่อกัมมาสธรรม  ของชาวกุรุในแคว้นกุรุ
สมัยนั้นแล  พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระดำรัสแล้ว  ฯ
	
[๘๑]  พระมีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  กามไม่เที่ยง  เป็นของว่าง
เปล่า  เลือนหายไปเป็นธรรมดา  ลักษณะของกามดังนี้  ได้ทำความล่อลวงเป็นที่บ่นถึงของคน
พาล  กามทั้งที่มีในภพนี้  ทั้งที่มีในภพหน้า  และกามสัญญาทั้งที่มีในภพนี้  ทั้งที่มีในภพหน้า
ทั้ง  ๒  อย่างนี้  เป็นบ่วงแห่งมาร  เป็นแดนแห่ง  มาร  เป็นเหยื่อแห่งมาร  เป็นที่หากินของมาร
ในกามนี้  ย่อมมีอกุศลลามกเหล่านี้เกิดที่ใจคือ  อภิชฌาบ้าง  พยาบาทบ้าง  สารัมภะบ้าง  เป็นไป
กามนั่นเอง  ย่อม  เกิดเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้  ฯ
	
[๘๒]
  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นในเรื่องกามนั้น  ดังนี้ว่า  กามทั้ง
ที่มีในภพนี้  ทั้งที่มีในภพหน้า  และกามสัญญาทั้งที่มีในภพนี้  ทั้งที่มีในภพหน้า  ทั้ง  ๒  อย่างนี้
เป็นบ่วงแห่งมาร  เป็นแดนแห่งมาร  เป็นเหยื่อแห่งมาร  เป็นที่หากินของมาร  ในกามนี้  ย่อมมี
อกุศลลามกเหล่านี้เกิดที่ใจคืออภิชฌาบ้าง  พยาบาทบ้าง  สารัมภะบ้าง  เป็นไป  กามนั่นเอง
ย่อมเกิดเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้  ไฉนหนอ  เราพึงมีจิต
เป็นมหัคคตะอย่างไพบูลย์  อธิษฐานใจครอบโลกอยู่  เพราะเมื่อเรามีจิตเป็น  มหัคคตะอย่างไพบูลย์
อธิษฐานใจครอบโลกอยู่  อกุศลลามกเกิดที่ใจ  ได้แก่อภิชฌาบ้าง  พยาบาทบ้าง  สารัมภะบ้าง
นั้นจักไม่มี  เพราะละอกุศลเหล่านั้นได้จิตของเราที่ไม่เล็กน้อยนั่นแหละ  จักกลายเป็นจิตหา
ประมาณมิได้  อันเราอบรม  ดีแล้ว  เมื่ออริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้วอย่างนี้  เป็นผู้มากด้วยปฏิปทานั้น
   
  สุตันตปิฎกไทย:
  - อุปริ. ม. 14/74-75/82-84.