- หน้า 30 - 
	ในธรรม เมื่อดื่มรส ดื่มรสอันเกิดแต่วิเวกและรสแห่งความสงบแล้ว
	ย่อมไม่มีความกระวนกระวายไม่มีบาป การเห็นพระอริยะเจ้าทั้งหลายเป็น
	ความดี การอยู่ร่วมกับพระอริยะเจ้าเหล่านั้น เป็นสุขทุกเมื่อ บุคคลพึง
	เป็นผู้มีความสุขเป็นนิตย์ได้ เพราะการไม่เห็นคนพาลทั้งหลายด้วยว่า
	บุคคลผู้สมคบกับคนพาลเที่ยวไป ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน การอยู่
	ร่วมกับคนพาลเป็นทุกข์ทุกเมื่อ เหมือนการอยู่ร่วมกับศัตรู ส่วน
	นักปราชญ์มีการอยู่ร่วมเป็นสุข เหมือนสมาคมแห่งญาติ เพราะเหตุนั้นแล
	บุคคลพึงคบบุคคลนั้นผู้เป็นนักปราชญ์ มีปัญญา เป็นพหูสูต มีปกติ
	นำธุระไปมีวัตร เป็นพระอริยะ เป็นสัปบุรุษ ผู้มีปัญญาดีเช่นนั้น
	เหมือนพระจันทร์คบครองแห่งนักษัตร ฉะนั้น ฯ
	จบสุขวรรคที่ ๑๕
	คาถาธรรมบท ปิยวรรคที่ ๑๖
	
[๒๖]
 บุคคลประกอบตนในกิจที่ไม่ควรประกอบ และไม่ประกอบตนในกิจที่
	ควรประกอบ ละประโยชน์เสีย มักถือเอาสัตว์หรือสังขารว่าเป็น
	ที่รัก ย่อมทะเยอทะยานต่อบุคคลผู้ประกอบตามตน บุคคลอย่าสมาคม
	แล้วด้วยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก หรือด้วยสัตว์หรือสังขารอันไม่
	เป็นที่รัก ในกาลไหนๆเพราะการไม่เห็นสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก
	และการเห็นสัตว์หรือสังขารอันไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์ เพราะเหตุนั้น
	บุคคลไม่พึงทำสัตว์หรือสังขารให้เป็นที่รัก เพราะการพลัดพรากจากสัตว์
	และสังขารอันเป็นที่รัก ลามก กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลาย ย่อมไม่มี
	แก่บุคคลที่ไม่มีสัตว์และสังขารอันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รัก ความโศก
	ย่อมเกิดแต่ของที่รักภัยย่อมเกิดแต่ของที่รัก ความโศกย่อมไม่มีแก่
	บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว จากของที่รัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน ความโศกย่อมเกิด
	แต่ความรัก ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษ
   
  สุตันตปิฎกไทย:
  - ธ. ขุ. 25/43/26.