- หน้า 92 -
เขา ถึง เช่นนั้นชนพวกนั้น ก็ชื่อว่าไม่เป็นผู้รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะ เหตุว่า
การรักษาเช่นนั้น เป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษาภายใน ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่า
เป็นผู้ไม่รักษาตน ส่วนว่าชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริตด้วย กาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่า
เป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ว่าพลช้าง พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า จะไม่รักษาเขา ถึงเช่นนั้น
ชนพวกนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุว่าการรักษาเช่นนั้น เป็น
การรักษาภายใน มิใช่ เป็นการรักษาภายนอก ฉะนั้น ชนพวกนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ฯ
[๓๓๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ถูกแล้วๆ มหาบพิตร ก็ชนบาง พวกย่อมประพฤติ
ทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่รักษาตน ถึงแม้ชนพวกนั้นจะมีพลช้าง
พลม้า พลรถ หรือพลเดินเท้า คอยรักษา ถึง เช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่าไม่รักษาตน ข้อนั้น
เป็นเพราะเหตุไร ก็เพราะเหตุว่า การรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษาภายนอก มิใช่เป็นการรักษา
ภายใน ฉะนั้น ชนพวก นั้นจึงชื่อว่าไม่รักษาตน ส่วนว่าชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย
วาจา ใจ ชนพวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ถึงแม้ชนพวกนั้นจะไม่มีพลช้าง พลม้า พลรถ
หรือพลเดินเท้า คอยรักษา ถึงเช่นนั้นชนพวกนั้นก็ชื่อว่ารักษาตน ข้อนั้นเป็น เพราะเหตุไร ก็
เพราะเหตุว่าการรักษาเช่นนั้นเป็นการรักษาภายใน มิใช่เป็นการ รักษาภายนอก ฉะนั้น ชนพวก
นั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้รักษาตน ฯ
[๓๓๙] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้ จบลงแล้ว จึงได้
ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
การสำรวมด้วยกายเป็นการดี การสำรวมด้วยวาจาเป็นการดีการสำรวม
ด้วยใจเป็นการดี การสำรวมในที่ทั้งปวงเป็นการดีบุคคลสำรวมในที่
ทั้งปวงแล้วมีความละอายต่อบาป เรากล่าวว่าเป็นผู้รักษาตน ฯ
อัปปกสูตรที่ ๖
[๓๔๐]
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามแห่ง ท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ ประทับ ครั้นแล้ว
จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง ฯ
สุตันตปิฎกไทย:
- สคา. สํ. 15/106/340-342.