- หน้า 129 -
ปัคคัยหสูตรที่ ๑
[๒๑๖]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์เป็นผู้มีรูปเป็นที่มายินดีเป็นผู้ยินดีแล้ว
ในรูป เป็นผู้เพลิดเพลินแล้วในรูป เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดับไป เทวดาและมนุษย์
ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เทวดาและมนุษย์เป็นผู้มีเสียงเป็นที่มายินดี ... เป็นผู้มีกลิ่นเป็นที่มายินดี ...
เป็นผู้มีรสเป็นที่มายินดี ... เป็นผู้มีโผฏฐัพพะเป็นที่มายินดี ... เป็นผู้มีธรรมารมณ์เป็นที่มายินดี
เป็นผู้ยินดีแล้วในธรรมารมณ์ เป็นผู้เพลิดเพลินแล้วในธรรมารมณ์ เพราะธรรมารมณ์แปรปรวน
คลายไปและดับไป เทวดาและมนุษย์ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนตถาคต ผู้เป็น
อรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ รู้แจ้งแล้วซึ่งความเกิดขึ้น ความดับไป คุณ โทษและอุบายเป็นเครื่อง
สลัดออกแห่งรูปทั้งหลาย ตามความเป็นจริง ไม่เป็นผู้มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่เป็นผู้ยินดีแล้วในรูป
ไม่เป็นผู้เพลิดเพลินแล้วในรูป เพราะรูปแปรปรวน คลายไปและดับไป ตถาคตย่อมอยู่เป็นสุข
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตผู้---เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ รู้แจ้งแล้วซึ่งความเกิดขึ้นความดับไป
คุณ โทษและอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเสียง ... กลิ่น ... รส ... โผฏฐัพพะ ...ธรรมารมณ์ ตาม
ความเป็นจริง ย่อมไม่เป็นผู้มีธรรมารมณ์เป็นที่มายินดี ไม่เป็นผู้ยินดีแล้วในธรรมารมณ์ ไม่เป็นผู้
เพลิดเพลินแล้วในธรรมารมณ์ เพราะธรรมารมณ์แปรปรวนไป คลายไปและดับไป ตถาคตก็ย่อม
อยู่เป็นสุข ฯ
ครั้นพระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถา
ประพันธ์ต่อไปว่า ฯ
[๒๑๗] รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์
ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณ
เท่าใด รูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้ง
เทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้นดับไปในที่ใด
ที่นั้น เทวดา และมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะ
เจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็น
ของตน) ว่าเป็นสุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลายผู้เห็นอยู่นี้
ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
สุตันตปิฎกไทย:
- สฬา. สํ. 18/159/216.