เนื้อความทั้งหมด :-การกระทำที่ถูกต้องตามกาละ--สำหรับสมาธินิมิต - ปัคคาหนิมิต - อุเบกขานิมิต--ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ผู้ ตามประกอบในอธิจิต พึงทำในใจซึ่งนิมิตทั้งสามโดยกาลอันควร คือ :---พึงทำในใจซึ่ง สมาธินิมิต โดยกาลอันควร--พึงทำในใจซึ่ง ปัคคาหนิมิต โดยกาลอันควร--พึงทำในใจซึ่ง อุเปกขานิมิต โดยกาลอันควร.--ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุผู้ตามประกอบในอธิจิต พึง กระทำในใจแต่เพียงสมาธินิมิตโดยส่วนเดียว เท่านั้นไซร้, ฐานะเช่นนั้น จะ ทำให้เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน.--ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุผู้ตามประกอบในอธิจิต พึง กระทำในใจแต่เพียงปัคคาหนิมิตโดยส่วนเดียว เท่านั้นไซร้, ฐานะเช่นนั้น จะ ทำจิตให้เป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน.--ภิกษุ ท. ! ถ้าภิกษุผู้ตามประกอบในอธิจิต พึง กระทำในใจแต่เพียงอุเปกขานิมิตโดยส่วนเดียว เท่านั้นไซร้, ฐานะเช่นนั้น จะ ไม่ทำจิตให้ตั้ง มั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.--ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล ภิกษุผู้ตามประกอบในอธิจิต กระทำในใจซึ่งสมาธินิมิต โดยกาลอันควร, กระทำในใจซึ่งปัคคาหนิมิต โดยกาลอันควร, กระทำ--ในใจซึ่งอุเปกขานิมิต โดยกาลอันควร; ในกาลนั้น จิตนั้น ย่อมเป็นจิตอ่อนโยน ควรแก่การงาน เป็นจิตประภัสสร ไม่รวนเร ย่อมตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนช่างทองหรือลูกมือของช่างทอง ประกอบตัวเบ้าแล้วฉาบปากเบ้า แล้วจับแท่งทองด้วยคีม วางที่ปากเป้า แล้วสูบลมโดยกาลอันควร พรมน้ำโดยกาลอันควร ตรวจดูโดยกาลอันควร. ภิกษุ ท. ! ถ้าช่างทองหรือลูกมือของช่างทอง จะพึง สูบลมตะพึดไปโดยส่วนเดียว กะทองนั้น ฐานะเช่นนั้น ก็ จะทำทองให้ไหม้ (สุกเกิน); ถ้า พรมน้ำตะพึดไป กะทองนั้น ฐานะเช่นนั้น ก็ จะทำทองนั้นให้เย็น๑ (อยู่เช่นเดิม); ถ้า ตรวจดูตะพึดโดยส่วนเดียวกะทองนั้น ฐานะเช่นนั้น ก็ จะทำให้ทองนั้นไม่ถึงซึ่งความสุกอย่างพอดี. ภิกษุ ท. ! ในกาลใด ช่างทองหรือลูกมือของช่างทอง สูบลมโดยกาลอันควรกะทองนั้น, พรมน้ำโดยกาลอันควรกะทองนั้น, ตรวจดูโดยกาลอันควรกะทองนั้น; ในกาลนั้น ทองนั้น ย่อมเป็นทองมีเนื้ออ่อน ควรแก่การงานของช่างทอง มีรัศมีเนื้อไม่ร่วน และเหมาะสมแก่การกระทำของช่างทอง. ถ้าใครปรารถนาจะกระทำเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น ตาบ ต้มหู สร้อยคอ หรือสุวรรณมาลาก็ตาม ก็สำเร็จประโยชน์แก่เขานั้น, นี้ฉันใด;--ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้ตามประกอบในอธิจิต พึงทำในใจซึ่งนิมิตทั้งสามโดยกาลอันควร คือ พึงทำในใจซึ่งสมาธินิมิต โดยกาลอันควร พึงทำในใจซึ่งปัคคาหนิมิต โดยกาลอันควร พึงทำในใจซึ่งอุเปกขานิมิต โดยกาลอันควร,--๑. คำว่าเย็นคำนี้ คำบาลีว่า นิพพาน (ชาตรู?ป นิพฺพาเปยฺย) ขอผู้ที่ไม่ทราบว่านิพพานแปลว่า เย็น พึงทราบเสียในที่นี้ด้วย - ติก. อํ. ๒๐/๓๓๐/๕๔๒.--ฉันนั้นเหมือนกัน …. ฯลฯ …. ถ้าภิกษุน้อมจิตไปเพื่อกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ซึ่งธรรมที่ควรกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ใดๆ เธอย่อมลุถึงซึ่งความสามารถทำได้จนเป็นสักขีพยาน ในธรรมนั้นๆ นั่นเที่ยว ในเมื่ออายตนะยังมีอยู่ๆ.- |