เนื้อความทั้งหมด :-การดำรงชีพชอบโดยทิศหก ของฆราวาส--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ในอริยวินัย มีการนอบน้อมทิศทั้งหกอย่างไร พระเจ้าข้า ! ขอพระองค์จงทรงแสดงธรรมที่เป็นการนอบน้อมทิศทั้งหกในอริยวินัยเถิด”--คหบดีบุตร ! เมื่อใด อริยสาวก ละเสียได้ซึ่งกรรมกิเลส ๔ ประการไม่กระทำกรรมอันเป็นบาปโดยฐานะทั้งสี่ และไม่เสพทางเสื่อม (อบายมุข) แห่งโภคะ ๖ ทาง, เมื่อนั้น เขาชื่อว่าเป็นผู้ปราศจากกรรมอันเป็นบาปรวม ๑๔ อย่าง เป็นผู้ปิดกั้นทิศทั้งหกโดยเฉพาะแล้ว; ด้วยอาการอย่างนี้ ชื่อว่า เขาปฏิบัติแล้วเพื่อชนะโลกทั้งสอง, ทั้งโลกนี้และโลกอื่น เป็นอันเขาปรารภกระทำครบถ้วนแล้ว (อารทฺโธ), เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย, ดังนี้.--กรรมกิเลส ๔ ประการอันอริยสาวกนั้น ละเสียได้แล้ว เป็นอย่างไรเล่า ? คหบดีบุตร ! ปาณาติบาต เป็นกรรมกิเลส, อทินนาทาน เป็นกรรมกิเลส, กาเมสุมิจฉาจาร เป็นกรรมกิเลส, มุสาวาท เป็นกรรมกิเลส. กรรมกิเลส ๔ ประการเหล่านี้ เป็นกรรมอันอริยสาวกนั้นละขาดแล้ว.--อริยสาวกไม่กระทำกรรมอันเป็นบาปโดยฐานะทั้งสี่ เป็นอย่างไรเล่า ? ผู้ถึงซึ่ง ฉันทาคติ ชื่อว่ากระทำกรรมอันเป็นบาป, ผู้ถึงซึ่ง โทสาคติ ชื่อว่ากระทำกรรมอันเป็นบาป, ผู้ถึงซึ่ง โมหาคติ ชื่อว่ากระทำกรรมอันเป็นบาป, ผู้ถึงซึ่ง ภยาคติ ชื่อว่ากระทำอันเป็นบาป. คหบดีบุตร ! เมื่อใด อริยสาวกไม่ถึงซึ่งฉันทาคติ ไม่ถึงซึ่งโทสาคติ ไม่ถึงซึ่งโมหาคติ ไม่ถึงซึ่งภยาคติ; เมื่อนั้น ชื่อว่า ไม่กระทำกรรมอันเป็นบาปโดยฐานะทั้งสี่เหล่านี้, ดังนี้.--อริยสาวก ไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ ทาง เป็นอย่างไรเล่า ? คหบดีบุตร ! การตามประกอบในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเนื่องด้วยของเมาคือสุราและเมรัย เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ, การตามประกอบในการเที่ยวตามตรอกซอกในเวลาวิกาล เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ, การเที่ยวไปในที่ชุมนุมแห่งความเมา (สมชฺชาภิจรณ) เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ, การตามประกอบในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทคือการพนัน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ, การตามประกอบในบาปมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ, การตามประกอบในความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะ.--(ต่อไปนี้ ได้ตรัส โทษแห่งอบายมุขทั้งหก และลักษณะแห่งมิตรแท้มิตรเทียม โดยรายละเอียด, ผู้ประสงค์พึงหาอ่านดูได้จากหนังสือนวโกวาท หลักสูตรนักธรรมชั้นตรี ซึ่งมีทุกวัดวาอาราม).--คหบดีบุตร ! อริยสาวก เป็นผู้ปิดกั้นทิศทั้งหกโดยเฉพาะแล้ว เป็นอย่างไรเล่า ? คหบดีบุตร ! พึงทราบว่า ทิศทั้งหกเหล่านี้ มีอยู่ คือพึงทราบว่า มารดาบิดา เป็นปุรัตถิมทิศ (ทิศเบื้องหน้า). พึงทราบว่า อาจารย์ เป็นทักขิณทิศ (ทิศเบื้องขวา), พึงทราบว่า บุตรภรรยา เป็นปัจฉิมทิศ (ทิศเบื้องหลัง), พึงทราบว่า มิตรสหาย เป็นอุตตรทิศ (ทิศเบื้องซ้าย), พึงทราบว่า ทาษกรรมกร เป็นเหฏฐิมทิศ (ทิศเบื้องต่ำ ), พึงทราบว่า สมณพราหมณ์ เป็นอุปริมทิศ (ทิศเบื้องบน).--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องหน้า)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องหน้า คือ มารดาบิดา อันบุตรพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ ดังนี้ว่า ท่านเลี้ยงเราแล้ว เราจักเลี้ยงท่าน ๑ เราจักทำกิจของท่าน ๑ เราจักดำรงวงศ์สกุล ๑ เราจักปฏิบัติตนเป็นทายาท ๑ เมื่อท่านทำ กาละล่วงลับไปแล้ว เราจักกระทำทักษิณาอุทิศท่าน ๑.--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องหน้าคือมารดาบิดา อันบุตรพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ห้ามเสียจากบาป ๑ ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑ ให้ศึกษาศิลปะ ๑ ให้มีคู่ครองที่ สมควร ๑ มอบมรดกให้ตามเวลา ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องหน้านั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น.--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องขวา)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องขวา คือ อาจารย์ อันศิษย์พึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ด้วยการลุกขึ้นยืนรับ ๑ ด้วยการเข้าไปยืนคอยรับใช้ ๑--ด้วยการเชื่อฟังอย่างยิ่ง ๑ ด้วยการปรนนิบัติ ๑ ด้วยการศึกษาศิลปวิทยาโดยเคารพ ๑.--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องขวาคืออาจารย์ อันศิษย์ปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์โดยฐานะ ๕ ประการ คือ แนะนำดี ๑ ให้ศึกษาดี ๑ บอกศิลปวิทยาสิ้นเชิง ๑ ทำให้รู้จักในมิตรสหาย ๑ ทำการคุ้มครองให้ในทิศทั้งปวง ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องขวานั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น.--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องหลัง)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องหลัง คือ ภรรยา อันสามีพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ด้วยการยกย่อง ๑ ด้วยการไม่ดูหมิ่น ๑ ด้วยการไม่ประพฤตินอกใจ ๑ ด้วยการมอบความเป็นใหญ่ในหน้าที่ให้ ๑ ด้วยการให้เครื่องประดับ ๑--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องหลังคือภรรยา อันสามีปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีโดยฐานะ ๕ ประการ คือจัดแจงการงานดี ๑ สงเคราะห์คนข้างเคียงดี ๑ ไม่ประพฤตินอกใจ ๑ ตามรักษาทรัพย์ที่มีอยู่ ๑ ขยันขันแข็งในการงานทั้งปวง ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องหลังนั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น.--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องซ้าย)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรสหาย อันกุลบุตรพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ด้วยการให้ปัน ๑ ด้วยการพูดจาไพเราะ ๑ ด้วยการประพฤติประโยชน์ ๑ ด้วยการวางตนเสมอกัน ๑ ด้วยการไม่กล่าวคำอันเป็นเครื่องให้แตกกัน ๑.--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องซ้ายคือมิตรสหาย อันกุลบุตรปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรโดยฐานะ ๕ ประการ คือรักษามิตรผู้ประมาทแล้ว ๑ รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว ๑ เป็นที่พึ่งแก่มิตรเมื่อมีภัย ๑ ไม่ทอดทิ้งในยามมีอันตราย ๑ นับถือสมาชิกในวงศ์ของมิตร ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องซ้ายนั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น.--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องต่ำ)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องต่ำ คือ ทาสกรรมกร อันนายพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ด้วยให้ทำการงานตามกำลัง ๑ ด้วยการให้อาหารและรางวัล ๑ ด้วยการรักษาพยาบาลยามเจ็บไข้ ๑ ด้วยการแบ่งของมีรสประหลาดให้ ๑ ด้วยการปล่อยให้อิสระตามสมัย ๑.--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องต่ำคือทาสกรรมกร อันนายปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายโดยฐานะ ๕ ประการ คือ เป็นผู้ลุกขึ้นทำงานก่อนนาย ๑ เลิกงานที่หลังนาย ๑ ถือเอาแต่ของที่นายให้ ๑ กระทำการงานให้ดีที่สุด ๑ นำเกียรติคุณของนายไปร่ำลือ ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องต่ำนั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น.--(หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศเบื้องบน)--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องบน คือ สมณพราหมณ์ อันกุลบุตรพึงปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการ คือ ด้วยเมตตากายกรรม ๑ ด้วยเมตตาวจีกรรม ๑ ด้วยเมตตามโนกรรม ๑ ด้วยการไม่ปิดประตู (คือยินดีต้อนรับ) ๑ ด้วยการถวายอามิสทาน ๑.--คหบดีบุตร ! ทิศเบื้องบนคือสมณพราหมณ์ อันกุลบุตรปฏิบัติต่อโดยฐานะ ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรโดยฐานะ ๖ ประการ คือห้ามเสียจากบาป ๑ ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑ อนุเคราะห์ด้วยใจอันงดงาม ๑ ให้ฟังในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ ทำสิ่งที่ได้ฟังแล้วให้แจ่มแจ้งถึงที่สุด ๑ บอกทางสวรรค์ให้ ๑.--เมื่อเป็นดังนี้ ทิศเบื้องบนนั้น เป็นอันว่ากุลบุตรนั้นปิดกั้นแล้ว เป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น--(คาถาสรุปความ)--มารดาเป็นทิศเบื้องหน้า ครูอาจารย์เป็นทิศเบื้องขวา--บุตรภรรยาเป็นทิศเบื้องหลัง มิตรสหายเป็นทิศเบื้องซ้าย--ทาสกรรมกรเป็นทิศเบื้องต่ำ สมณพราหมณ์เป็นทิศเบื้องบน--คฤหัสถ์ผู้สามารถในการครองเรือน พึงนอบน้อมทิศ ท. เหล่านี้.--บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยศีล มีวาจาละเอียดอ่อนมีปฏิภาณมีความประพฤติถ่อมตัวไม่กระด้าง เช่นนี้แล้ว ย่อมได้รับการบูชา--ผู้ขยันลุกขึ้น ไม่เกียจคร้าน ไม่หวั่นไหวในอันตรายใดๆ ประพฤติตนไม่มีช่องโหว่ มีปัญญา เช่นนี้แล้ว ย่อมได้รับการบูชา--ผู้ชอบสงเคราะห์ สร้างสรรค์มิตรภาพ รู้ความหมายแห่งถ้อยคำไม่ตระหนี่ เป็นผู้นำ - นำวิเศษ - นำไม่ขาดสาย เช่นนี้แล้ว ย่อมได้รับการบูชา.--การให้ทาน, การพูดจาไพเราะ, การประพฤติประโยชน์ใดๆ เมื่อควรประพฤติ, ความวางตนเสมอกันในกิจกรรม ท. ตามสมควรในกรณีนั้น ๆ, สี่อย่างนี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวโลก ดุจหมุดสลักยึดโยงรถที่กำลังแล่นอยู่.--ถ้าไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวเหล่านี้แล้ว มารดาก็จะไม่ได้รับอะไรจากบุตร จะเป็นการนับถือ หรือการบูชาก็ตาม บิดาก็จะไม่ได้รับอะไรจากบุตร.--เพราะเหตุที่เครื่องยึดเหนี่ยวเหล่านี้ เป็นสิ่งที่บัณฑิตมุ่งกระทำ ดังนั้น เขาจึงถึงซึ่งคุณอันใหญ่ มีความสรรเสริญ ท. เกิดขึ้นแก่เขา.- |