เนื้อความทั้งหมด :-การรู้จักแสวงหาของมนุษย์--ก. การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ--ภิกษุ ท. ! การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ (อนริยปริเยสนา) เป็นอย่างไรเล่า ?--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางพวกในกรณีนี้ ตนเอง มีความเกิด เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเกิด เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง. ตนเอง--มีความแก่ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความแก่ เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเอง มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเอง มีความตาย เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความตาย เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเอง มีความโศก เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความโศก เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง, ตนเอง มีความเศร้าหมองโดยรอบด้าน เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ก็ยัง มัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมองรอบด้าน เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความเกิดเป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความเกิดเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก (อุปธิ) ; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความแก่เป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความแก่เป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก ; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความตายเป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความตายเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก ; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความตายเป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความโศกเป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความโศกเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความโศกเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก ; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความโศกเป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความโศกเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งอะไรเล่า ว่ามีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา ? ภิกษุ ท. ! ควรจะกล่าวซึ่งบุตรภรรยา ทาสหญิงทาสชาย แพะแกะ ไก่สุกร ช้าง โคม้าลา ทองเงิน ว่ามีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดาเหล่านั้น เป็นของหนัก ; บุคคลในโลกนี้ พากันจมติดอยู่ พากันมัวเมาอยู่ พากันสยบอยู่ ในของหนักเหล่านั้น จึงทำให้ตนทั้งที่มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่เองแล้ว ก็ยังมัวหลงแสวงหาสิ่งที่มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง อีก.--ภิกษุ ท. ! นี้คือ การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ.--ข. การแสวงหาที่ประเสริฐ--ภิกษุ ท. ! การแสวงหาที่ประเสริฐ (อริยปริเยสนา) เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ตนเองมีความเกิดเป็นธรรมดา ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความเกิดเป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่เกิด (อชาต) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า, ตนเองมีความแก่เป็นธรรมดา ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่แก่ (อชร) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า, ตนเองมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่เจ็บไข้ (อพฺยาธิ) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า, ตนเองมีความตายเป็นธรรมดา ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่ตาย (อมต) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า, ตนเองมีความโศกเป็นธรรมดา ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความโศกเป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่โศก (อโสก) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า, ตนเองมีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา--ก็รู้จักโทษในสิ่งที่มีความเศร้าหมองโดยรอบด้านเป็นธรรมดา แล้ว แสวงหานิพพานอันเป็นธรรมไม่เศร้าหมองโดยรอบด้าน (อสํกิลิฏฐ) เป็นธรรมเกษมจากโยคะไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า,--ภิกษุ ท. ! นี้คือ การแสวงหาที่ประเสริฐ.- |