เนื้อความทั้งหมด :-(สำหรับหัวข้อเรื่องที่ว่า “ฌานที่มีสัญญานั้น ใช้เป็นฐานแห่งวิปัสสนาได้ในตัวเอง” ดังนี้ นั้น หมายความว่า ในฌานที่ยังมีสัญญาอยู่นั้น มีทางที่จะกำหนดขันธ์ตามที่ปรากฏอยู่ในฌาน นั้น ว่ามีลักษณะ เช่นอนิจจลักษณะ เป็นต้น ซึ่งเมื่อกำหนดเข้าแล้ว ก็ย่อมเกิดวิปัสสนา. ส่วนฌานที่ไร้สัญญา คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ และสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น ไม่มีทางที่จะกำหนดขันธ์โดยลักษณะใด ๆ เพราะความไม่มีสัญญานั่นเอง แต่อาจจะรู้จักผลสุดท้ายแห่งฌานนั้น ๆ ได้ ว่ามีอาสวะเหลืออยู่หรือหาไม่).--เหตุให้เกิดและเจริญ แห่งอาทิพรหมจริยิกปัญญา--ภิกษุ ท. ! เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘ ประการ เหล่านี้ มีอยู่เพื่อการได้เฉพาะซึ่งปัญญาอันเป็นอาทิพรหมจริยิกา (ปัญญาที่ต้องมีในเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์) ที่ยังไม่เคยได้, เป็นไปพร้อม เพื่อความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ความทำให้เจริญ ความเต็มรอบ แห่งปัญญาอันเป็นอาทิพรหมจริยิกาที่ได้แล้ว. แปดประการ อย่างไรเล่า ? แปดประการคือ :---๓. ฌายีภิกษุ คือภิกษุผู้บำเพ็ญฌานอยู่ ครั้นเขาเข้าหรือออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติและสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว ก็มีความรู้ประจักษ์แก่ตนเอง ว่าเมื่ออาศัยสมาบัติทั้งสองนี้แล้ว จะมีการสิ้นอาสวะหรือไม่. ถ้าเป็นสมาบัติทั้งเจ็ดข้างต้น ทรงยืนยันว่ามีความสิ้นอาสวะ ส่วนในสมาบัติสุดท้ายทั้งสองนี้ ทรงปล่อยไว้ให้ผู้ที่ได้เข้าแล้ว ออกแล้ว เป็นผู้กล่าวเอง ว่ามีการสิ้นอาสวะหรือไม่ เพื่อให้ได้ใช้ความเป็นปัจจัตตังของธรรมะให้ถึงที่สุด เป็นคำตรัสที่แยบยลเหลือประมาณ ควรแก่การสังเกตอย่างยิ่ง.--๑. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัยซึ่งพระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารีผู้เป็นที่ตั้งแห่งความเคารพ รูปใดรูปหนึ่ง อันเป็นที่ซึ่งหิริและโอตัปปะ ความรักและความเคารพ ของภิกษุนั้นจะตั้งอยู่อย่างแรงกล้า : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่หนึ่ง.--๒. ภิกษุนั้น ครั้นเข้าไปอาศัยซึ่งพระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารีผู้เป็นที่ตั้งแห่งความเคารพรูปใดรูปหนึ่ง จนกระทั่งหิริและโอตตัปปะ ความรักและความเคารพของภิกษุนั้น ตั้งอยู่อย่างแรงกล้าแล้ว เธอนั้น ก็เข้าไปซักไซ้ สอบถามปัญหา ตามกาละอันควร ว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! ข้อนี้ เป็นอย่างไร?” ความหมายแห่งข้อนี้เป็นอย่างไร ? ดังนี้. ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น ย่อมเปิดเผยสิ่งที่ยังไม่เปิดเผย ย่อมทำให้ตื้นสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้ตื้น ย่อมบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยมีอย่างต่างๆ แก่ภิกษุนั้น : ภิกษุ ท. ! นี้เ ป็น เหตุปัจจัยประการที่สอง.--๓. ภิกษุนั้น ครั้งฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมทำตนให้ถึงพร้อมด้วยการหลีกออก ๒ อย่าง คือหลีกออกทางกาย และหลีกออกทางจิต : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่สาม.--๔. ภิกษุนั้น เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ที่ถือว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่สี่.--๕. ภิกษุนั้น เป็นพหูสูต ทรงจำธรรมที่ฟังแล้ว สั่งสมธรรมที่ฟังแล้ว : ธรรมเหล่าใด มีความงามในเบื้องต้น มีความงามในท่ามกลาง มีความงามในที่สุด แสดงพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง, ธรรมเหล่านั้น อันเธอนั้นดั้งมามากแล้ว จำได้ ว่าได้คล่องแคล่วด้วยวาจา มองเห็นตามด้วยใจ เจาะแทงตลอดอย่างดีด้วยความเห็น : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่ห้า.--๖. ภิกษุนั้น เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง (จิต) มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดทิ้งธุระในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่หก.--๗. ภิกษุนั้น ไปสู่หมู่สงฆ์แล้ว ไม่พูดเรื่องนอกเรื่อง ไม่กล่าวดิรัจฉานกถา กล่าวธรรมเองบ้าง เชื้อเชิญผู้อื่นให้กล่าวบ้าง ไม่ดูหมิ่นความนิ่งอย่างพระอริยเจ้า๑ : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่เจ็ด.--๘. ภิกษุนั้น มีปกติตามความเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป ในอุปทานขันธ์ทั้งห้า อยู่ว่า “รูป เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดรูปเป็นอย่างนี้, ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งรูป เป็นอย่างนี้; เวทนา เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดเวทนา เป็นอย่างนี้, ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งเวทนา เป็นอย่างนี้, สัญญา เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดสัญญาเป็นอย่างนี้, ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งสัญญา เป็นอย่างนี้, สังขาร เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดสังขาร เป็นอย่างนี้, ความ--๑. คือพร้อมที่จะนิ่ง ยินดีที่จะนิ่ง ไม่ชิงพูดพล่ามเหมือนคนทั่วไปโดยเห็นว่าเป็นเกียรติ.--ตั้งอยู่ไม่ได้แห่งสังขาร เป็นอย่างนี้, วิญญาณ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดวิญญาณ เป็นอย่างนี้, ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้, ดังนี้” : ภิกษุ ท. ! นี้ เป็น เหตุปัจจัยประการที่แปด.--.... ภิกษุ ท. ! เหตุ ๘ ประการ ปัจจัย ๘ ประการ เหล่านี้แล มีอยู่ เพื่อการได้เฉพาะซึ่งปัญญาอันเป็นอาทิพรหมจริยิกา (ปัญญาที่ต้องมีในเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์) ที่ยังไม่เคยได้, เป็นไปพร้อมเพื่อความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความทำให้เจริญ ความเต็มรอบ แห่งปัญญาอันเป็นอาทิพรหมจริยิกาที่ได้แล้ว.- |