| เนื้อความทั้งหมด :-๑.  คำอธิบายของว่า อเสขะ หาดูได้ที่หัวข้อว่า “พระอรหันต์คือผู้เป็นอเสขะ” ที่หน้า ๖๐๙ แห่งหนังสือเล่มนี้.--ภิกษุ ท. !  สิกขาบทร้อยห้าสิบสิกขาบทนี้  ย่อมมาสู่อุทเทส  (การยกขึ้นแสดงในท่ามกลางสงฆ์)  ทุกกึ่งแห่งเดือนตามลำดับ  อันกุลบุตรผู้ปรารถนาประโยชน์พากันศึกษาอยู่ในสิกขาบทเหล่านั้น.  ภิกษุ ท. !  สิกขาสามอย่างเหล่านี้ มีอยู่ อันเป็นที่ประชุมลงของสิกขาบททั้งปวงนั้น.  สิกขาสามอย่างนั้น  เป็นอย่างไรเล่า ?  คือ  อธิสีลสิกขา  อธิจิตตสิกขา  อธิปัญญาสิกขา.  ภิกษุ ท. !  เหล่านี้แล  สิกขาสามอย่าง  อันเป็นที่ประชุมลงแห่งสิกขาบท  ทั้งปวงนั้น.--ภิกษุ ท. !  ภิกษุในกรณีนี้  เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล  ทำพอประมาณในสมาธิ  ทำพอประมาณในปัญญา.  เธอยังล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้างและต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านั้นบ้าง.  ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?  ข้อนั้นเพราะเหตุว่า  ไม่มีผู้รู้ใด ๆ  กล่าวความอาภัพต่อการบรรลุโลกุตตรธรรมจักเกิดขึ้นเพราะเหตุสักว่า  การล่วงสิกขาบทเล็กน้อยและการต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านี้.  ส่วนสิกขาบทเหล่าใด  ที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  ที่เหมาะสมแก่พรหมจรรย์,  เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน  มีศีลมั่นคง  ในสิกขาบทเหล่านั้น  สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.  ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์สาม  เป็นโสดาบัน  เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา  เป็นผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน  มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า.  ....  (ต่อไปนี้เป็น ข้อความจาก บรรพ ๕๒๗ จนกระทั่งสิ้นข้อความเรื่องพระโสดาบัน :-)--ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์สาม  เป็นผู้  สัตตักขัตตุปรมะ  ยังต้องท่องเที่ยวไปในภพแห่งเทวดาและมนุษย์อีกเจ็ดครั้ง  เป็นอย่างมาก  แล้วย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.--(หรือว่า)  ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์สาม  เป็นผู้โกลังโกละ  จักต้องท่องเที่ยวไปสู่สกุลสองหรือสามครั้ง  แล้วย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.--(หรือว่า)  ภิกษุนั้น.  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์สาม เป็นผู้เป็น  เอกพีชี  คือจักเกิดในภพแห่งมนุษย์หนเดียวเท่านั้น  แล้วย่อมกระทำ  ที่สุดแห่งทุกข์ได้.--ภิกษุ ท. !  ภิกษุในกรณีนี้  เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล  ทำพอประมาณในสมาธิ ทำพอประมาณในปัญญา,  เธอยังล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง  และต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านั้นบ้าง.  ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?  ข้อนั้น เพราะเหตุว่า  ไม่มีผู้รู้ใด ๆ  กล่าวความอาภัพต่อการบรรลุโลกุตตรธรรม  จักเกิดขึ้นเพราะเหตุสักว่า การล่วงสิกขาบทเล็กน้อยและการต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านี้.  ส่วนสิกขาบทเหล่าใด  ที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  ที่เหมาะสมแก่พรหมจรรย์,  เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง  ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.  ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์สาม  และเพราะความที่ราคะ  โทสะ  โมหะ  ก็เบาบางน้อยลง เป็นสกทาคามี  ยังจะมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น  แล้วย่อมกระทำ  ที่สุดแห่งทุกข์ได้.--ภิกษุ ท. !  ภิกษุในกรณีนี้  เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล  ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ  ทำพอประมาณในปัญญา.  เธอยังล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง และต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านั้นบ้าง.  ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?  ข้อนั้นเพราะเหตุว่า  ไม่มีผู้รู้ใด ๆ  กล่าวความอาภัพต่อการบรรลุโลกุตตรธรรม จักเกิดขึ้น--เพราะเหตุสักว่า  การล่วงสิกขาบทเล็กน้อย  และการต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านี้.  ส่วน  สิกขาบทเหล่าใด  ที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  ที่เหมาะสมแก่พรหมจรรย์,  เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน  มีศีลมั่นคง  ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.  ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้า  เป็น  โอปปาติกอนาคามี  ผู้อุบัติขึ้นในทันที  มีการปรินิพพานในภพนั้น ๆ  ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.  ....(ต่อไปนี้เป็นข้อความจาก  บรรพ ๕๒๗  จนกระทั่งสิ้นข้อความเรื่องพระอนาคามี :-)--ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์เบื้องต่ำห้า  เป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี  ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ.--(หรือว่า) ภิกษุนั้น.  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้าเป็น สสังขารปรินิพพายี  ผู้ปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.--(หรือว่า) ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้าเป็น อสังขารปรินิพพายี  ผู้ปรินิพพานด้วยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง.--(หรือว่า) ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้าเป็น อุปหัจจปรินิพพายี  ผู้ปรินิพพานเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด.--(หรือว่า) ภิกษุนั้น,  เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำห้าเป็น อันตราปรินิพพายี  ผู้ปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง.--ภิกษุ ท. !  ภิกษุในกรณีนี้  เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล  ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ  ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา.  เธอยังล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง  และต้อง--ออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านั้นบ้าง.  ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?  ข้อนั้นเพราะเหตุว่า  ไม่มีผู้รู้ใด ๆ  กล่าวอาภัพต่อการบรรลุโลกุตตรธรรม  จักเกิดขึ้นเพราะเหตุสักว่า  การล่วงสิกขาบทเล็กน้อยและการต้องออกจากอาบัติเล็กน้อยเหล่านี้.  ส่วน  สิกขาบทเหล่าใดที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ที่เหมาะสมแก่พรหมจรรย์,  เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง  ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.  ภิกษุนั้น  ได้กระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้  เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย  ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง  ในทิฏฐธรรมนี้  เข้าถึงแล้วแลอยู่.--ภิกษุ ท. !  ผู้กระทำเพียงบางส่วน  ย่อมทำให้สำเร็จได้บางส่วน,  ผู้กระทำให้บริบูรณ์  ก็ย่อมทำให้สำเร็จได้บริบูรณ์ ;  ดังนั้น  เราจึงกล่าวว่า  สิกขาบททั้งหลาย  ย่อมไม่เป็นหมันเลย,  ดังนี้ แล.- |